Tuesday, October 28, 2025
  • Login
  • Register
spikewrite.com
  • Article
  • Review
  • Podcast
  • Fiction
  • Our Authors
No Result
View All Result
spikewrite.com
  • Article
  • Review
  • Podcast
  • Fiction
  • Our Authors
  • Login
  • Register
No Result
View All Result
spikewrite.com
No Result
View All Result

เรื่องสั้น สุนัขจรจัด (The Stray Dog) โดย Sadeq Hedayat – วรรณกรรมแปล

byNeo Kyma
in Short Story
Reading Time: 2 mins read
8
Home Short Story
41
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

Table of Contents

สนับสนุนรายได้ของ Spike Write สนับสนุนรายได้ของ Spike Write สนับสนุนรายได้ของ Spike Write
ADVERTISEMENT
สนับสนุนสปอนเซอร์ Spike Write สนับสนุนสปอนเซอร์ Spike Write สนับสนุนสปอนเซอร์ Spike Write
ADVERTISEMENT
  • 1. เกริ่นนำ
  • 2. สุนัขจรจัด (The Stray Dog)
  • 3. เชิงอรรถ
  • 4. เกี่ยวกับผู้เขียน สุนัขจรจัด

01
of 04
เกริ่นนำ

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสวรรค์ที่เคยมีอยู่พังทลายลง? ชวนอ่าน เรื่องสั้น สุนัขจรจัด (The Stray Dog) ผลงานชิ้นเอกของ ซาเดก เฮดายัต (Sadeq Hedayat) นักเขียนชาวอิหร่าน จะพาคุณดำดิ่งไปในจิตใจของ สุนัขพันธุ์ดีที่เคยมีชีวิตเปี่ยมสุข ณ จัตุรัสวารามินอันแร้นแค้น นี่คือบันทึกโศกนาฏกรรมอันบาดลึก ว่าด้วยการค้นหาความรักในโลกที่ไร้หัวใจ…

02
of 04
สุนัขจรจัด (The Stray Dog)

ร้านรวงเล็กๆ สองสามแห่ง ตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองความหิวและความต้องการพื้นฐานในการดำรงชีวิต—ทั้งร้านขนมปัง ร้านขายเนื้อ ร้านขายยา ร้านกาแฟสองร้าน และร้านตัดผม—ทั้งหมดรวมกันเป็นจัตุรัสแห่งวารามิน ณ จัตุรัสแห่งนี้ ภายใต้แสงอาทิตย์อันแผดจ้า ผู้อยู่อาศัยต่างถูกแผดเผาจนแทบสุกไหม้และเต็มไปด้วยความเหี่ยวเฉา พวกเขาเฝ้ารอคอยสายลมยามเย็นระลอกแรกแห่งรัตติกาลอย่างใจจดใจจ่อ ทว่าในยามนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สรรพสัตว์ ร้านค้า หรือแม้แต่ต้นไม้ ต่างตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกสิ่งหยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหว ไอร้อนระอุอบอวลอยู่ทั่วทั้งหมู่บ้าน ละอองฝุ่นบางเบาค่อยๆ ก่อตัวหนาขึ้นจากการสัญจร ก่อนลอยอ้อยอิ่งตัดกับผืนฟ้าสีคราม

ณ มุมหนึ่งของจัตุรัสมีต้นมะเดื่อเก่าแก่ต้นหนึ่ง ต้นมะเดื่อต้นนี้ยังคงแผ่กิ่งก้านตะปุ่มตะป่ำคดงอไปทั่วทุกสารทิศแม้ว่าลำต้นจะผุเป็นโพรงไปแล้ว ใต้ร่มเงาของใบไม้มีแคร่ขนาดกว้างใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นตั้งอยู่ เด็กชายสองคนใช้เป็นที่เร่ขายคัสตาร์ดข้าวและเมล็ดฟักทอง ท่อระบายน้ำหน้าร้านกาแฟมีนํ้าไหลเอื่อยๆ แสนเชื่องช้า ก้นท่อระบายน้ำโคลนข้นคลั่กเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก

สิ่งก่อสร้างเพียงแห่งเดียวที่ควรค่าแก่การสนใจในหมู่บ้านอันแร้นแค้นนี้คือหอคอยวารามิน¹ อันเลื่องชื่อ ตัวหอคอยทรงกรวยกระบอกแตกร้าวเหลือเพียงครึ่งเดียว แม้กระทั่งฝูงนกกระจอกที่ทำรังอยู่ตามรอยแยกซึ่งเกิดจากอิฐที่ร่วงหล่น ก็ยังคงสัปหงกตลอดบ่ายด้วยความมึนงงจากไอร้อน มีเพียงเสียงร้องทุกข์อย่างเดียวที่ทำลายความเงียบสงบเป็นระยะๆ เสียงนั้นมาจากสุนัขตัวหนึ่ง

มันเป็นสุนัขพันธุ์สกอตติช มีจุดดำแต้มอยู่บนขาหลังทั้งสองข้าง ส่วนปลายจมูกสีดำอมน้ำเงิน หูตกห้อยลงมา หางแหลมชี้ ขนสกปรกหยิกม้วนของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน ราวกับว่าเพิ่งวิ่งผ่านหนองบึงมา ดวงตาสองข้างส่องประกายออกมาจากหน้าผากที่รุงรัง ฉายแววเฉลียวฉลาดราวกับมนุษย์ ห้วงลึกของดวงตาทั้งคู่นั้น ส่องประกายวิญญาณมนุษย์พร้อมด้วยสารบางอย่างที่หยั่งรู้ได้ยากเย็น

ดุจเดียวกับความมืดมิดที่ปกคลุมทั้งร่างของมัน ไม่ว่าสารนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม มันไม่ได้ประกอบขึ้นจากแสงหรือสี หากแต่เป็นสิ่งอื่นใดที่น่าเหลือเชื่อ คล้ายกับแววตาของละมั่งที่บาดเจ็บ ไม่เพียงแต่ดวงตาของมันจะคล้ายคลึงกับมนุษย์เท่านั้น แต่แววตาของมันก็ยังเหมือนกันอีกด้วย ในขณะเดียวกันดวงตาสีน้ำตาลทั้งสองข้างนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน และความคาดหวัง อันเป็นลักษณะเฉพาะของสุนัขจรจัด

ในทางกลับกันไม่มีใครมองเห็นหรือเข้าใจสีหน้าที่เจ็บปวดทรมานอันอ้อนวอนของมันเลย ที่หน้าร้านขนมปัง เด็กรับใช้ก็ทุบตี ที่หน้าร้านขายเนื้อ ลูกมือขว้างปาก้อนหินใส่ หากมันหลบเข้าไปอาศัยร่มเงาใต้ท้องรถ รองเท้าตะปูของคนขับรถคงจะต้อนรับมันเป็นอย่างดี เมื่อคนอื่นๆ เริ่มเบื่อที่จะทำร้ายมัน เด็กชายขายคัสตาร์ดข้าวกลับมีความสุขเป็นพิเศษที่ได้ทรมานมัน ทุกครั้งที่เจ้าสัตว์น่าสงสารส่งเสียงร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บแปลบ เมื่อก้อนหินกระทบสีข้างก็จะมีเสียงหัวเราะของเด็กชายและคำพูดหยาบคายตามมาว่า “ไอ้หมาขี้เรื้อน!” พร้อมด้วยเสียงหัวเราะอันดังลั่น คนอื่นๆ ต่างร่วมผสมโรงด้วยความยินดี ในสายตาของพวกเขา การทรมานสุนัขที่สกปรก ถูกสาปแช่งโดยศาสนาและเชื่อกันว่ามีเจ็ดชีวิตนั้น เป็นเรื่องปกติธรรมดาและคู่ควรแก่รางวัลชั่วนิรันดร์ เพื่อเอาใจอัลเลาะห์ พวกเขาจึงทุบตีมัน

วันนี้เด็กชายขายคัสตาร์ดข้าวยังคงลงโทษมันต่อไป จนกระทั่งเจ้าสัตว์ผู้น่าสงสารหนีรอดมาได้ มันลากสังขารอันหิวโหยไปยังทิศทางของหอคอย ที่นั่น มันหลบเข้าไปในท่อระบายน้ำ เอนหัวลงบนอุ้งเท้า แลบลิ้นออกมา ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น มันทอดสายตามองออกไปยังทุ่งหญ้าเขียวขจี ร่างกายของมันเหนื่อยล้า เส้นประสาทก็ปวดร้าว ท่ามกลางความเย็นและความชื้นของท่อระบายน้ำ สามารถปลอบประโลมจิตใจของมัน

ในที่สุดความสงบอันพิเศษได้เข้าครอบงำมัน กลิ่นต่างๆ ทั้งกลิ่นพืชที่ใกล้ตาย กลิ่นรองเท้าเก่าเน่าเปื่อย กลิ่นของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ได้ปลุกความทรงจำที่สับสนแสนเลือนรางให้ฟื้นคืนมา ทุกครั้งที่มันมองไปยังทุ่งนา สัญชาตญาณสัตว์ป่าในตัวมันก็ฟื้นคืน พร้อมกับความทรงจำอันน่ารื่นรมย์ในอดีต ทว่าครั้งนี้ ความรู้สึกนั้นรุนแรงมาก ราวกับมีเสียงกระซิบข้างหู เรียกให้มันลุกขึ้น เคลื่อนไหว และกระโดดโลดเต้น มันรู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่ไม่อาจควบคุมได้ที่จะวิ่งออกไปหยอกล้อในทุ่งนา

นี่คือสัญชาตญาณที่สืบทอดมาทางสายเลือด บรรพบุรุษทั้งหมดของมันได้รับเลี้ยงดูมาเพื่อเป็นอิสระในทุ่งหญ้าเขียวขจีของสกอตแลนด์ แต่ทว่า บัดนี้ร่างกายของมันอ่อนล้าเกินกว่าจะขยับเขยื้อนได้แม้เพียงเล็กน้อย ความเจ็บปวดได้ผสมปนเปไปกับความอ่อนแอ เมื่อความเฉื่อยชาเข้าครอบงำ ความรู้สึกที่คลุมเครือได้รับการกระตุ้น ก่อนจะเลือนหายไป

ครั้งหนึ่งมันเคยได้รับการฝึกให้เชื่อฟังความคำสั่งและข้อกำหนดบางอย่าง มันรู้สึกผูกพันที่จะต้องตอบรับเสียงเรียกของเจ้านาย ขับไล่คนแปลกหน้าและสุนัขจรจัดให้ออกไปจากพื้นที่ของพวกเขา มันต้องเล่นกับลูกของเจ้านาย ส่วนคนแปลกหน้าต้องปฏิบัติแตกต่างออกไป เวลากินอาหารต้องตรงเวลา เมื่อทำตามคำสั่งมันคาดหวังว่าจะได้รับการลูบหัวในเวลาที่เหมาะสม แต่บัดนี้ ข้อกำหนดเหล่านั้นได้สลายไปแล้ว

สิ่งที่มาทดแทนคือการเรียนรู้วิธีคุ้ยหาของจากกองขยะ วิธีอดทนต่อการลงโทษในแต่ละวัน และวิธีเห่าหอนครวญคราง โดยเฉพาะอย่างหลังนี้เป็นหนทางป้องกันตัวเพียงอย่างเดียวของมัน ในอดีต มันเคยเป็นสุนัขที่องอาจ กล้าหาญ สะอาดสะอ้าน และมีชีวิตชีวา แต่บัดนี้มันกลับกลายเป็นสุนัขขี้ขลาดแกมน่าสมเพช ทุกเสียง ทุกแรงสั่นสะเทือนทำให้มันสะดุ้งตกใจ มันหวาดกลัวแม้กระทั่งเสียงของตัวเอง มันคุ้นชินกับความสกปรกและขยะมูลฝอย ร่างกายของมันคันยุบยิบไปทั่ว แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะจับเห็บหมัดหรือเลียตัวเองให้สะอาด มันรู้สึกราวกับว่าได้กลายเป็นหนึ่งเดียวกับความสกปรก และมีบางสิ่งบางอย่างในตัวมันได้ตายจากไปแล้ว บางสิ่งที่เคยเปล่งประกายได้ดับสูญไปตลอดกาล

ในช่วงสองฤดูหนาวนับตั้งแต่ที่มันได้เข้ามาอยู่ในขุมนรกแห่งนี้ มันไม่เคยได้กินอิ่มท้อง ไม่เคยได้นอนหลับเต็มตา ความรู้สึกปรารถนาของมันได้ขาดสะบั้นลง ไม่มีใครลูบหัว ไม่มีใครสบตา ดูเหมือนว่าผู้อยู่อาศัยในสถานที่แห่งนี้ แม้จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับเจ้านายของมัน แต่ก็แตกต่างกันทั้งในด้านความรู้สึก พฤติกรรม และอารมณ์ ราวกับว่าผู้คนในอดีตนั้นใกล้ชิดกับโลกของมันมากกว่า พวกเขาคอยช่วยเหลือ เข้าใจในความทุกข์ยากและเห็นอกเห็นใจ

ในบรรดากลิ่นที่มันรับรู้ได้ในตอนนี้ คือกลิ่นของคัสตาร์ดข้าว กลิ่นนี้กระตุ้นมันได้มากที่สุด ของเหลวสีขาวนี้ ช่างคล้ายกับน้ำนมของแม่มันเหลือเกิน มันทำให้นึกถึงช่วงวัยเยาว์ ความรู้สึกชาวาบเข้าครอบงำขณะที่มันหวนนึกถึงครั้งยังเป็นลูกสุนัข ตอนที่มันดูดของเหลวอุ่นๆ อันโอชะนั้นจากเต้านมของแม่ ขณะที่ลิ้นอันนุ่มนวลแต่หนักแน่นของแม่เลียทำความสะอาดให้ มันนึกถึงกลิ่นฉุนของแม่ แล้วก็นึกถึงกลิ่นของพี่น้องขณะที่พวกมันดูดนมแม่อยู่ข้างๆ ด้วยกัน ความทรงจำอันหนักหน่วงถึงกลิ่นอันรุนแรงของแม่และน้ำนมได้โอบล้อมตัวมันไว้

เมื่อมันอิ่มหนำจากน้ำนมเต็มที่แล้ว ร่างกายของมันก็เริ่มอบอุ่นสบาย ความอบอุ่นไหลเวียนไปทั่วเส้นเลือดและเส้นเอ็น ด้วยความง่วงงุน มันปล่อยหัวนมของแม่ออก ตัวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แล้วจึงหลับลึกไปในนิทรา ความสุขใดเล่าจะยิ่งใหญ่ไปกว่าความพึงพอใจเช่นนี้ แม้แต่ตอนที่มันเผลอใช้อุ้งเท้ากดลงบนหัวนมของแม่โดยไม่ได้ตั้งใจ น้ำนมก็ยังไหลออกมาโดยไม่ต้องดิ้นรนหรือออกแรงใดๆ ร่างกายปุกปุยของพี่น้อง เสียงเห่าของแม่ ทั้งหมดนี้ช่างน่ามัวเมาและปลอบประโลมใจ มันนึกถึงบ้านไม้รวมถึงเกมที่มันกับพี่น้องเคยเล่นด้วยกันในทุ่งหญ้าเขียวขจี

มันเคยงับหูที่ห้อยต่องแต่งของพี่ชาย ขณะที่พวกมันกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยกัน จากนั้นจึงลุกขึ้นวิ่งเล่น สิ่งที่ลืมไม่ลงคือสัมผัสอันอ่อนโยนของเจ้านายและก้อนน้ำตาลที่เขาเคยป้อน ต่อมา มันได้พบเพื่อนอีกคนหนึ่ง นั่นคือลูกชายของเจ้านาย มันจะวิ่งไล่ตามเพื่อนใหม่คนนี้ไปจนสุดสวน เห่าและงับเสื้อผ้าของเขา มันชอบลูกชายของเจ้านายเป็นพิเศษ เพราะเด็กชายเป็นเพื่อนเล่นโดยไม่เคยตีมันเลย ต่อมาไม่นาน มันก็สูญเสียทั้งแม่และพี่ชายไป จึงเหลือมันอยู่เพียงลำพังกับเจ้านาย ภรรยาของเจ้านาย ลูกชาย และคนรับใช้ชราคนหนึ่ง

มันสามารถแยกแยะกลิ่นของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี จดจำเสียงฝีเท้าของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น มันจะเดินวนเวียนอยู่รอบโต๊ะเพื่อดมกลิ่นอาหาร บางครั้งภรรยาของเจ้านายแอบให้เนื้อชิ้นงามๆ แก่มันหนึ่งหรือสองชิ้น แม้สามีจะคัดค้าน ส่วนคนรับใช้จะเรียกชื่อมันว่า “แพท… แพท…” อาหารของมันจะถูกนำมาใส่ไว้ในชามพิเศษที่มุมบ้านไม้ของมัน

สุนัขจรจัด, The Stray Dog, Sadeq Hedayat,

ความโชคร้ายของแพทเริ่มต้นขึ้นเมื่อมันเริ่มติดสัด เจ้านายไม่ยอมปล่อยมันออกจากบ้านไปวิ่งไล่ตามตัวเมีย แล้วราวกับโชคชะตากลั่นแกล้ง วันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วง เจ้านายของมันกับชายอีกสองคนที่มันคุ้นเคยมาเยี่ยม ทั้งหมดขึ้นรถยนต์ไปด้วยกัน โดยเรียกให้แพทขึ้นไปนั่งข้างๆ แพทเคยเดินทางด้วยรถยนต์กับเจ้านายหลายครั้ง แต่ครั้งนี้มันกำลังติดสัด จึงรู้สึกกระวนกระวายและร้อนรนเป็นพิเศษ หลายชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็มาถึงจัตุรัสวารามิน เมื่อลงจากรถ เจ้านายของมันกับชายอีกสองคนพากันเดินผ่านตรอกข้างหอคอย ทันใดนั้นแพทได้กลิ่นบางอย่าง—กลิ่นของสุนัขตัวเมียทำให้มันแทบคลั่ง มันหยุดดมพื้นทุกๆ สองสามก้าว ในที่สุดมันก็มุดเข้าไปในสวนแห่งหนึ่งผ่านทางท่อระบายน้ำที่เปิดอยู่

ใกล้ค่ำ มันได้ยินเสียงเจ้านายเรียกอีกครั้ง “แพท… แพท!” นี่คือเสียงของเจ้านายจริงๆ หรือเป็นเพียงเสียงสะท้อนที่ดังก้องอยู่ในหูของมันกันแน่

เสียงของเจ้านายผูกมัดมันไว้กับหน้าที่และความรับผิดชอบทุกอย่าง สิ่งนี้มีผลต่อแพทเป็นพิเศษ แต่มีพลังบางอย่างอยู่เหนือโลกภายนอกได้บีบบังคับให้มันอยู่กับสุนัขตัวเมียต่อไป พันธะนี้ทำให้หูของมันมึนชาโดยไม่ได้ยินเสียงจากโลกภายนอก ความรู้สึกรุนแรงพลุ่งพล่านขึ้นในตัวมัน กลิ่นของตัวเมียนั้นรุนแรงจนบาดลึกเข้าไปยังความรู้สึกจนทำให้มันยุ่งเหยิง ตั้งแต่ร่างกายไปจนถึงประสาทสัมผัสไม่เชื่อฟังคำสั่ง มันสูญเสียการควบคุมตัวเอง แต่ไม่นานนัก ก็มีคนถือไม้เท้ามาพบมันในสวน จากนั้นไล่ตีมันออกมาทางท่อระบายน้ำ

แพทรู้สึกมึนงงและเหนื่อยเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตัวเบาเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย มันเริ่มมองหาเจ้านายด้วยความสับสน สิ่งเดียวที่รับรู้ได้คือกลิ่นจางๆ ในตรอกซอกซอยหลายแห่ง มันตามกลิ่นไปทุกซอยโดยทิ้งร่องรอยของตัวเองไว้เป็นระยะๆ มันตามออกไปไกลจนถึงซากปรักหักพังนอกหมู่บ้าน จากนั้นจึงกลับมาจุดเริ่มต้น เพราะรู้ว่าอย่างไรก็ตามเจ้านายจะต้องมาที่จัตุรัส แต่ทว่า ที่นั่นกลิ่นที่อ่อนลงของเจ้านายก็จางหายไปกับกลิ่นอื่นๆ จนหมด

เจ้านายจากไปและทิ้งมันไว้ข้างหลังแล้วหรือ? ความหวาดกลัวจนกระทั่งความวิตกกังวลเข้าครอบงำจิตใจ แพทจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีเจ้านายผู้เป็นดั่งพระเจ้าของมัน? เจ้านายเปรียบเสมือนเทพเจ้า! แน่นอนว่าเจ้านายต้องกลับมาตามหาแน่ ด้วยความหวาดกลัว มันจึงวิ่งไปตามถนนหลายสาย แต่การค้นหาก็ไร้ผล

ตกกลางคืน แพทกลับมาที่จัตุรัสอีกครั้ง ด้วยความเหนื่อยล้าเต็มไปด้วยความบอบช้ำ ที่นั่นยังไม่พบร่องรอยของเจ้านาย มันเดินสำรวจไปทั่วหมู่บ้านอีกหลายครั้ง ในที่สุดก็มาถึงท่อระบายน้ำที่ได้พบกับสุนัขตัวเมีย บัดนี้มีหินก้อนใหญ่ขวางทางเข้าออกอยู่ ด้วยความมุ่งมั่นเป็นพิเศษ แพทเริ่มขุดทางเข้าไปในสวน แต่ก็คืบหน้าไปได้เพียงเล็กน้อย เมื่อสิ้นหวัง มันก็เริ่มสัปหงก จนในที่สุดก็ผล็อยหลับไปตรงนั้น

ใกล้เที่ยงคืน เสียงครวญครางของแพทปลุกให้มันตื่นขึ้นขึ้นมาเอง ด้วยความหวาดกลัว มันเริ่มวิ่งไปตามตรอกซอกซอย ดมกลิ่นตามกำแพงและค้นหา มันรู้สึกหิวโหยอย่างรุนแรง เมื่อมาถึงจัตุรัส กลิ่นอาหารนานาชนิดก็ปะทะเข้าจมูก ทั้งกลิ่นเนื้อที่เหลือ กลิ่นขนมปังอบใหม่ๆ และกลิ่นโยเกิร์ตผสมปนเปกันอย่างยั่วยวน ในขณะเดียวกัน มันก็รู้สึกผิดที่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของผู้อื่น การที่จะต้องขออาหารจากคนเหล่านี้ ยึดที่นี่เป็นถิ่นของตัวเอง โดยคาดหวังว่าจะไม่มีใครมาแย่งหรือขับไล่มัน บางทีหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับเจ้านายของมัน พวกนั้นอาจถืออาหารอยู่ในมือและรับมันไปเลี้ยงก็ได้

ด้วยความระมัดระวังจนตัวสั่นเทา มันเดินเข้าไปใกล้ร้านขนมปังที่เพิ่งเปิดประตู กลิ่นของขนมปังอบใหม่หอมฟุ้งอยู่ในอากาศ ชายคนหนึ่งที่หอบขนมปังไว้ใต้แขนเรียกมันว่า “เบีย… เบีย!”² ช่างเป็นเสียงที่แปลกแยกเสียนี่กระไร! เจ้าของเสียงโยนขนมปังชิ้นหนึ่งให้แพท ซึ่งมันก็กินเข้าไปด้วยความลังเลเล็กน้อย พร้อมกับกระดิกหาง จากนั้นชายคนนั้นก็วางขนมปังลงบนแคร่หน้าร้าน แล้วลูบหัวแพทด้วยท่วงท่าระมัดระวัง กล้าๆ กลัวๆ เขาใช้มือทั้งสองข้างปลดปลอกคอของแพทออก แพทรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก! ราวกับว่าพันธนาการ ความรับผิดชอบ และหน้าที่ทั้งหมดได้ถูกปลดเปลื้องไปจากตัว แต่เมื่อมันกระดิกหางอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปหาคนทำขนมปัง มันกลับถูกเตะเข้าที่สีข้างอย่างแรง คนทำขนมปังเดินไปที่คูน้ำ ล้างมือตามพิธีกรรมสามครั้ง แพทจำได้ดีปลอกคอของมันแขวนอยู่หน้าร้านขนมปัง

นับตั้งแต่คืนนั้น แพทก็ไม่เคยได้สัมผัสท่าทีอื่นใดจากคนเหล่านี้อีกเลย พวกเขาเตะมัน ปาก้อนหินใส่ และทุบตีด้วยท่อนไม้ ราวกับว่าพวกเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาตที่ได้รับความสุขเป็นพิเศษจากการทรมานมัน

แพทไม่รู้จักโลกที่มันกำลังก้าวเข้ามานี้เลย ในโลกนี้ไม่มีใครร่วมรับรู้ความรู้สึกและวิถีทางของมัน ช่วงหลายวันแรกเป็นเวลาที่ยากลำบากที่สุด จากนั้น มันก็ค่อยๆ คุ้นชินกับชีวิตใหม่ นอกจากนี้ ที่มุมขวาของจัตุรัส มันได้ค้นพบกองขยะซึ่งสามารถหาของอร่อยๆ ได้ เช่น กระดูก ไขมัน หนังสัตว์ หัวปลา ตลอดจนของกินอื่นๆ อีกมากมายที่มันบอกชื่อไม่ถูก มันใช้เวลาที่เหลือในแต่ละวันอยู่หน้าร้านขายเนื้อกับร้านขนมปัง สายตาจับจ้องอยู่ที่มือคนขายเนื้อ แต่จำนวนครั้งที่มันถูกลงโทษนั้นมีมากกว่าจำนวนชิ้นเนื้ออร่อยๆ ที่มันได้รับเสมอ อย่างไรก็ตาม มันก็เริ่มคุ้นชินกับชีวิตใหม่นี้ จวบกระทั่งชีวิตในอดีตก็เหลือเพียงแค่ร่องรอยของกลิ่นจางบางอย่าง ความทรงจำในแต่ละเหตุการณ์กลายเป็นความคลุมเครือที่แสนจืดชืด มันเก็บสวรรค์ที่สูญเสียไปนี้ไว้ในความทรงจำ หลบหนีเข้าไปในนั้นยามที่สิ้นหวัง

สิ่งที่ทรมานแพทมากที่สุดคือความต้องการที่จะได้รับการลูบไล้ แม้จะถูกทุบตีทารุณกรรมอย่างต่อเนื่องเท่าไร ความรู้สึกของมันก็ยังคงอ่อนโยนราวกับเด็ก โดยเฉพาะในชีวิตใหม่นี้ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแสนทุกข์ทรมาน มันยิ่งต้องการความรักใคร่เอ็นดู ดวงตาของมันวิงวอนขอความรัก มันพร้อมที่จะสละชีวิตให้กับใครก็ตามที่จะทนุถนอมหรือลูบหัว มันต้องการที่จะมอบความรักให้กับใครสักคน เพื่อที่จะเสียสละตัวเอง เพื่อแสดงความจงรักภักดีตลอดจนความซื่อสัตย์ แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครต้องการความรักที่เปี่ยมล้นเช่นนั้น ไม่มีใครเข้าข้างมัน ทุกสายตาที่จับจ้องมีแต่การเป็นศัตรู มีแต่การมุ่งร้าย ยิ่งมันพยายามที่จะดึงดูดความสนใจของพวกเขามากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนยิ่งกระตุ้นความโกรธไปจนถึงความเกรี้ยวกราดมากขึ้นเท่านั้น

วันนี้แพทหลับอยู่ในท่อระบายน้ำขณะที่ฝันร้ายต่างๆ ผ่านเข้ามาในสายตาของมัน มันครวญครางหลายครั้งแล้วก็ตื่นขึ้น มันหิวมาก กลิ่นเคบับลอยฟุ้งไปในอากาศ ความหิวโหยอย่างไม่ลดละทรมานอยู่ภายใน ทำให้มันลืมความทุกข์ยากอื่นๆ ทั้งหมดไปสิ้น มันลุกขึ้นอย่างเจ็บปวดและมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสด้วยความระแวดระวัง

***

บัดนี้ ท่ามกลางความโกลาหล ฝุ่นละออง และความสกปรก รถยนต์คันหนึ่งได้แล่นเข้ามาในจัตุรัสวารามิน ชายคนหนึ่งก้าวลงจากรถ เดินเข้ามาหาแพทก่อนจะลูบหัว ชายคนนี้ไม่ใช่เจ้านายของมัน เรื่องนี้มันแน่ใจดี เพราะมันจำกลิ่นของเจ้านายได้เป็นอย่างดี แต่เป็นไปได้อย่างไรที่จู่ๆ ก็มีคนมาปรากฏตัว ลูบไล้มัน? มันไม่ได้สวมปลอกคอจะมีใครมาลูบไล้เพื่อเอามันไป

ชายคนนั้นกลับมา ลูบหัวแพทอีกครั้ง แพทเดินตามเขาไป ความประหลาดใจของมันเพิ่มขึ้นเมื่อชายคนนั้นเข้าไปในห้องที่แพทคุ้นเคยดี ห้องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอาหารนานาชนิด ชายคนนั้นนั่งลงบนม้านั่งข้างกำแพง พวกเขานำขนมปังอบใหม่ โยเกิร์ต ไข่ และอาหารอื่นๆ มาให้ เขาค่อยๆ ฉีกขนมปังออกเป็นชิ้นๆ จุ่มลงในโยเกิร์ตแล้วโยนให้แพท ในตอนแรกแพทกินขนมปังอย่างตะกละตะกลาม ก่อนจะค่อยๆ กินช้าลง ด้วยความรู้สึกสิ้นหนทาง พร้อมกับสำนึกในบุญคุณ มันจับจ้องใบหน้าชายคนนั้น มองลึกเข้าไปยังดวงตาสีน้ำตาลสวยงาม และกระดิกหางให้เขา

นี่เป็นเรื่องจริงหรือว่ามันกำลังฝันไป? แพทได้กินอาหารเต็มมื้อโดยไม่มีการขัดจังหวะหรือถูกลงโทษ อาจเป็นไปได้ว่ามันพบเจ้านายคนใหม่แล้ว? แม้อากาศจะร้อน ชายคนนั้นลุกขึ้น เดินไปยังตรอกข้างหอคอย หยุดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินต่อไป ผ่านตรอกซอกซอยที่คดเคี้ยวอีกหลายแห่ง แพทตามไปจนกระทั่งออกจากเขตหมู่บ้าน จากนั้นชายคนนั้นก็เข้าไปในซากปรักหักพังที่ตอนนี้เหลือเพียงกำแพงไม่กี่ด้าน เจ้านายของแพทก็เคยมาที่นี่เช่นกัน บางทีพวกเขาอาจจะมาตามหากลิ่นตัวเมียเหมือนกัน! แพทรออยู่ในร่มเงาของกำแพง

เขากลับมายังจัตุรัสโดยใช้เส้นทางอื่น โดยมีแพทตามเขาไป หลังจากเดินเล่นรอบๆ จัตุรัสอย่างรวดเร็ว ชายคนนั้นกลับมาลูบหัวแพทอีกครั้ง หลังจากนั้นเขาเข้าไปนั่งในรถยนต์คันหนึ่งที่แพทคุ้นเคย แพทไม่กล้าเข้าไปในรถยนต์ ได้แต่นั่งอยู่ข้างรถและเฝ้ามองชายคนนั้น

ทันใดนั้น ท่ามกลางฝุ่นควัน รถยนต์ก็เริ่มเคลื่อนตัว แพทวิ่งตามไปโดยไม่ลังเล ไม่เลย ครั้งนี้มันตั้งใจว่าจะไม่ยอมคลาดกับชายคนนี้เป็นอันขาด มันหอบฮัก แม้จะเจ็บปวดไปทั้งร่าง แต่มันก็วิ่งสุดฝีเท้า ตัวของมันตามอยู่ท้ายรถ รถแล่นออกจากหมู่บ้าน กำลังมุ่งผ่านทุ่งนา แพทวิ่งทันรถอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะถูกทิ้งห่างอีก ด้วยความสิ้นหวัง มันทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับการวิ่งครั้งนี้ แต่รถเร็วกว่ามาก มันทำพลาดไปแล้ว ร่างกายที่อ่อนแอและบอบช้ำไม่อาจเทียบความเร็วของรถได้ มันรู้สึกคลื่นไส้ ทันใดนั้นมันก็ควบคุมร่างกายไม่ได้อีกต่อไป—มันขยับไม่ได้แม้แต่น้อย ความพยายามทั้งหมดไร้ประโยชน์ มันไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังวิ่งทำไม หรือวิ่งไปที่ไหน มันหมดแรงแล้ว ไม่มีทางออก

มันหยุดนิ่ง หอบ ลิ้นห้อยออกจากปาก สายตามืดมัว มันก้มหัว ก่อนจะลากตัวเองออกจากถนนอย่างยากลำบากเพื่อเข้าไปในคูน้ำข้างทุ่งนา ทิ้งตัวลงบนผืนทรายที่ร้อนและชื้น เวลานี้มันรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้จากที่นี่ไปอีกแล้ว สัญชาตญาณของมันไม่เคยผิดพลาด มันรู้สึกมึนงง ความคิดและความรู้สึกเริ่มด้านชา ความรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงมวนอยู่ในท้อง แสงแห่งความป่วยไข้ฉายออกมาในดวงตา อุ้งเท้าค่อยๆ ชา เหงื่อเย็นๆ ไหลท่วมตัว เป็นความรู้สึกทั้งเย็นทั้งมึนชาที่มาพร้อมกับการปลอบประโลมใจ

***

มันไม่รู้ตัวว่าได้หลับไปแล้ว มันฝันว่ากำลังวิ่งอยู่ในทุ่งหญ้าเขียวขจีอันอุดมสมบูรณ์ อากาศเย็นสบายทำให้มันรู้สึกตัวเบาและมีพละกำลัง เท้าของมันแทบไม่ได้สัมผัสพื้นขณะที่มันกระโดด วิ่ง และเล่นสนุก ทุ่งหญ้านั้นกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มันวิ่งไปข้างหน้า ร่างกายไร้น้ำหนัก การเคลื่อนไหวก็แสนง่ายดาย ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน หรือความต้องการใดๆ ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นมันได้

แล้วมันก็ได้ยินเสียงเจ้านายเรียก มันอยากจะไปหาเจ้านาย แต่ไม่รู้ว่าเสียงนั้นมาจากทิศทางใด ทันใดนั้น กลิ่นของแม่ก็โชยมาแตะจมูก แล้วมันก็เห็นแม่กำลังให้นมลูกๆ มันเดินเข้าไปหาแม่ พี่ชายของมันก็อยู่ที่นั่นด้วย จากนั้นแพทก็เริ่มเล่นกับพี่ชาย พวกมันกลิ้งไปมาบนพื้น งับหู งับหางของกันและกัน ไม่มีพลังใดในโลกจะมาพรากพวกมันจากกันได้อีกแล้ว มันรู้สึกถึงความสุขอันพิเศษที่ไหลเวียนไปทั่วร่าง มันไม่ได้ควบคุมตัวเองอีกต่อไป มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทั้งหมดที่มอบความสุข ส่วนหนึ่งที่ประกอบด้วยกลิ่น การเคลื่อนไหว และความปรารถนา โลกแห่งผัสสะได้เข้าครอบงำตัวตนทั้งหมดของมันทั้งหมดแล้ว

03
of 04
เชิงอรรถ

  1. Varamin (วารามิน): คือชื่อเมืองจริงๆ ในประเทศอิหร่าน เป็นเมืองเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับกรุงเตหะราน เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีโบราณสถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมถึง หอคอยวารามิน (Varamin Tower) ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องด้วย การที่ผู้เขียนระบุชื่อเมืองนี้ก็เพื่อสร้างฉากหลังที่สมจริงให้กับเรื่องราว
  2. “Bia Bia!” (เบีย เบีย!): เป็นคำภาษาเปอร์เซีย (ภาษาทางการของอิหร่าน) 
    • “Bia” (เบีย) แปลว่า “มานี่”
    • การพูดซ้ำว่า “Bia Bia!” เป็นการเรียกแบบเป็นกันเอง คล้ายๆ กับเวลาที่เราเรียกสุนัขหรือแมวในภาษาไทยว่า “มานี่ๆ!” เป็นการเรียกเพื่อให้เข้ามาหา ในบริบทของเรื่อง ชายคนทำขนมปังกำลังเรียกแพทให้เข้าไปหาเขาด้วยความเป็นมิตร (แม้ว่าการกระทำหลังจากนั้นจะตรงกันข้ามก็ตาม) 

04
of 04
เกี่ยวกับผู้เขียน สุนัขจรจัด

ซาเดก เฮดายัต (Sadeq Hedayat)
ซาเดก เฮดายัต (Sadeq Hedayat)

ซาเดก เฮดายัต (Sadeq Hedayat) (ค.ศ. 1903 – 1951) ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในนักเขียนชาวอิหร่านผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 20 และเป็นบิดาแห่งเรื่องสั้นยุคใหม่ของอิหร่าน

เฮดายัตเกิดในครอบครัวชนชั้นสูงในกรุงเตหะราน และไปศึกษาต่อที่ยุโรป (ฝรั่งเศสและเบลเยียม) ที่นั่น เขาได้สัมผัสกับวรรณกรรมตะวันตกสมัยใหม่ โดยเฉพาะผลงานของนักเขียนอย่าง ฟรานซ์ คาฟคา, เอ็ดการ์ อัลลัน โพ และ ไรเนอร์ มาเรีย ริลเค ซึ่งมีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่องานเขียนของเขา

ผลงานของเฮดายัตมักสำรวจธีมของความแปลกแยก, ความทุกข์ระทม, ความไร้จุดหมายของชีวิต และการต่อต้านอำนาจทางสังคมและการเมือง งานเขียนชิ้นเอกของเขาคือ “The Blind Owl” (นกฮูกตาบอด) ซึ่งเป็นผลงานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

สำหรับเรื่อง “สุนัขจรจัด” (The Stray Dog) เป็นหนึ่งในเรื่องสั้นที่มีชื่อเสียงจากชุดรวมเรื่องสั้นสุดท้ายของเขา สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกอ่อนไหวของเขาต่อความทุกข์ทรมานของสรรพสัตว์ และการวิพากษ์วิจารณ์ความเชื่อทางสังคม

ตลอดชีวิต เฮดายัตต้องต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าและความรู้สึกสิ้นหวัง เขาจบชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตายในอพาร์ตเมนต์ที่ปารีส เมื่อปี 1951

Related

Share4Tweet2Share
Neo Kyma

Neo Kyma

Νέο Κύμα เป็นนามปากกาของผู้เขียนรุ่น Generation X ที่หลงใหลในวัฒนธรรมหลากหลาย ตั้งแต่ดนตรีและภาพยนตร์ ไปจนถึงอาหารและวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก ด้วยความเชื่อว่าวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ผู้เขียนจึงมุ่งมั่นที่จะแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์ผ่านบทความที่เต็มไปด้วยสีสันและความหลากหลาย

RelatedPosts

ปกเรื่องสั้น "เธอ" โดย Kireina Kura - เรื่องราวของนักเขียนที่เผชิญกับภาวะซึมเศร้า
Short Story

เรื่องสั้น เธอ – Kireina Kura

October 17, 2025
29
คุยกับ ทราย เจริญปุระ : เมื่อการ (หยุด) เล่าคือการเยียวยา
Interview

คุยกับ ทราย เจริญปุระ : เมื่อการ (หยุด) เล่าคือการเยียวยา

August 1, 2025
916
ทำลาย, เธอกล่าว : ทำลายอะไร? ทำลายทำไม?
Article

ทำลาย, เธอกล่าว : ทำลายอะไร? ทำลายทำไม?

May 14, 2025
232
หิมะแดง
Short Story

ซึมเศร้า

June 15, 2023
226
ขาไก่หิมพานต์ แฮ่ แฮ่ ขาไก่หิมพานต์ แฮ่ แฮ่ ขาไก่หิมพานต์ แฮ่ แฮ่

Recent Posts

สุนัขจรจัด, The Stray Dog, Sadeq Hedayat,

เรื่องสั้น สุนัขจรจัด (The Stray Dog) โดย Sadeq Hedayat – วรรณกรรมแปล

October 20, 2025
ปกเรื่องสั้น "เธอ" โดย Kireina Kura - เรื่องราวของนักเขียนที่เผชิญกับภาวะซึมเศร้า

เรื่องสั้น เธอ – Kireina Kura

October 17, 2025
สัมภาษณ์ จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท กับการเปลี่ยนแปลงของวงการหนังสือ

สัมภาษณ์ จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท กับการเปลี่ยนแปลงของวงการหนังสือ

August 20, 2025
คุยกับ ทราย เจริญปุระ : เมื่อการ (หยุด) เล่าคือการเยียวยา

คุยกับ ทราย เจริญปุระ : เมื่อการ (หยุด) เล่าคือการเยียวยา

August 1, 2025
Before It Starts to Rain ก่อนพิรุณพรำกับยักษาแห่งความเป็นอื่น

Before It Starts to Rain ก่อนพิรุณพรำกับยักษาแห่งความเป็นอื่น

July 15, 2025

Popular posts this month

  • Gap.Bumseeker

    Let’s talk ! คุยกับ Gap.Bumseeker การเดินทางที่ไม่มีคำว่ากลัว

    7265 shares
    Share 2951 Tweet 1798
  • Intern Diaries: ประสบการณ์ฝึกงานสำนักพิมพ์

    49 shares
    Share 20 Tweet 12
  • แนะนำ โคนัน เดอะมูฟวี่ ภาคไหนสนุกจนลืมไม่ลง!

    70 shares
    Share 39 Tweet 13
  • ทำลาย, เธอกล่าว : ทำลายอะไร? ทำลายทำไม?

    68 shares
    Share 40 Tweet 12
  • เรื่องสั้น สุนัขจรจัด (The Stray Dog) โดย Sadeq Hedayat – วรรณกรรมแปล

    9 shares
    Share 4 Tweet 2
Hamlet Hamlet Hamlet
ADVERTISEMENT

About Us

Spike Logo

Categories

  • Article
  • Download
  • Interview
  • Literature
  • Music
  • Novel
  • Podcast
  • Poem
  • Review
  • Short Story
  • Sound
  • Sport
  • Travel Trip
  • Uncategorized
  • writing

Tag

Animal POV Before It Starts to Rain bungo stray dogs Classic Short Story existentialism features post Film Inio Asano Internship Iranian Literature literature liverpool manga Medusa Music Orca Rabuka Review Sadeq Hedayat short stories Short Story Short Story Season short story winter Sound steppenwolf The Stray Dog Tragedy travel trigger warnings weird fiction William Shakespeare การอ่าน คณะประพันธกรจรจัด คำเตือน นักเขียน นิวัต พุทธประสาท บทความ ฝึกงาน ฝึกงานสำนักพิมพ์ วรรณกรรม วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา หิมะแดง เครื่องเสียง เม่นวรรณกรรม เรื่องสั้น

Review

The Jug & Bottle โรงแรมในลิเวอร์พูล ที่อยู่นอกเมือง

The Jug & Bottle

การนอนนอกเมืองลิเวอร์พูลนั้นไม่ได้ลำบากอะไรเลย โดยเฉพาะถ้าได้นอนโรงแรม Jug & Bottle ที่มีราคาสมเหตุสมผล มีประวัติยาวนาน สะอาด สวยงาม และไม่ควรพลาดเดินเดี่ยวที่ Heswall
รีวิว Rega Planar 1 : เครื่องเล่นแผ่นเสียง งบประมาณต่ำที่ดีที่สุด…ในโลก…ตลอดกาล?

Rega Planar 1

Rega Planar 1 เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาประหยัดที่พัฒนามาจากรุ่น RP1 ด้วยการออกแบบใหม่ ใช้งานง่าย ปรับปรุงโทนอาร์ม RB110 และคุณสมบัติเด่นมากมาย เสียงของมันแม่นยำและมีพลัง ฿14000

© 2025 Spike Write - Premium News & Magazine blog by Spike Write.

Welcome Back!

Sign In with Facebook
Sign In with Google
OR

Login to your account below

Forgotten Password? Sign Up

Create New Account!

Sign Up with Facebook
Sign Up with Google
OR

Fill the forms below to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

  • Login
  • Sign Up
  • Cart
No Result
View All Result
  • Article
  • Review
  • Podcast
  • Fiction
  • Our Authors

© 2025 Spike Write - Premium News & Magazine blog by Spike Write.

This website uses cookies. By continuing to use this website you are giving consent to cookies being used. Visit our Privacy and Cookie Policy.
Are you sure want to unlock this post?
Unlock left : 0
Are you sure want to cancel subscription?
-
00:00
00:00

Queue

Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00