ชายหนุ่มร่างสันทัดตามมาตราฐาน ใส่แว่นตาทรงกลม ยืนข้างมอเตอร์ไซด์ หยิบหมวกกันน็อกขึ้นมาสวม เสี้ยวหน้าเขามองจากด้านข้าง จมูกโด่ง ไม่ถึงกับเป็นสัน หน้ารูปรี ผมปรกหน้าม้า จัดว่าเป็นชายหน้าตาดี แม้ไม่ถึงกับสาวกรี๊ด เขาสวมหมวกกันน็อก คร่อมมอเตอร์ไซค์ ติดเครื่องออกไป แม่ยืนอยู่หน้าบ้าน ตะโกนบอกเขา
“อย่าขับเร็วนะ โอ”
โอ ยกมือซ้ายโบกให้แม่ แล้วขี่รถออกไป
หญิงวัย 50 กว่า ปิดประตูรั้ว หันหลังเดินเข้าบ้าน บริเวณจากรั้วบ้านถึงตัวบ้าน ที่ปลูกเป็นบ้าน 2 ชั้น กึ่งปูนกึ่งไม้ ยกพื้นสูง ด้านหน้าบ้านไม่ได้กว้างมาก ต้นไม้เป็นพุ่มตามทางเดินเล็กๆ จากรั้วถึงบันไดที่ยกตัวบ้านสูงขึ้น 3 ขั้น ด้านข้างบ้านเป็นดิน ปลูกต้นมะม่วง ขนุน และต้นไม้ยืนต้น อีกหลายหลาก ตามแต่จะหาพันธ์ได้ ไม่ได้มีการจัดสวนแต่อย่างใดทั้งสิ้น ขึ้นอยู่นางนุชจะหามาลงตามพื้นที่ แต่ทำให้บรรยายกาศรร่มรื่น มีผลไม้กิน และยังแบ่งให้เพื่อนบ้านด้วยเป็นครั้งคราว
ย่านนี้ เคยเป็นสวนผลไม้ ก่อนที่ความเจริญขยายจากเมืองหลวงออกมา ที่ค่อนข้างลึกจากถนน ในสมัยที่ นุช แต่งงานกับพ่อของโอ เมื่อเกือบ 30 ปี ที่แล้ว ที่ตรงนี้ในสมัยนั้น ยังห่างไกลความเจริญ จึงเป็นราคาที่คู่แต่งงานใหม่ที่อยากได้บ้านมีเนื้อที่ เกือบ 200 ตารางวา พอมีกำลังในการซื้อแลกกับความห่างไกล เพื่อสร้างครอบครัวใหม่ แต่เมื่อมีถนนตัดผ่าน หมู่บ้านจัดสรรตามมา เจ้าของที่เริ่มทยอยขายย้ายออกไป หมู่บ้านจัดสรรเข้ามาแทนที่ บ้านเธออยู่สุดทางหลังบ้านติดกับคลองเล็กๆ ราคาที่ดินสูงขึ้นตามความเจริญ คนพื้นเพ เริ่มทยอยขายที่ขายบ้าน ท้ายสุดเหลือครอบครัวที่ยังอยู่เป็นเพื่อนบ้าน ไม่ถึง 10หลังคาเรือน ไม่ขายที่ให้ทางบริษัทอสังหาฯ บ้างติดถิ่น บ้างต้องการ เก็บรักษาไว้เป็นที่อยู่ เป็นสมบัติลูกหลาน การอยู่ร่วมของชุมชนใหม่ กับ ชุมชนเดิมเป็นไปด้วยดี ในความเป็นจริงก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันเสียด้วยซ้ำ ด้วยวิถีชีวิตผู้คนที่ย้ายมาอยู่ใหม่ ส่วนมากเป็นหนุ่มสาว ทำงานสำนักงานในเมืองหลวง ออกจากบ้านเพื่อฝ่าจราจรไปทำงานให้ทัน กว่าจะกลับบ้านก็มืดค่ำ ส่วนคนเก่าในแถบที่นุชอยู่ ส่วนมากจะเป็นผู้สูงอายุ ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้าน หรือ ปลูกพืชปลุกผัก ตามประสา นุช ชอบที่ชุมชนด้านในที่เธออยู่ ยังมีกลิ่นของชนบท ยังเอื้อเฟื้อกันในชุมชนเล็กๆ ยังเป็นพี่ป้าน้าอา มีแลกเปลี่ยนขนม ผัก ที่ปลูก หรือแม้แต่อาหารบ้างเป็นครั้งคราว เพราะส่วนมากก็เลยวัยกลางคนอยุ่บ้านเหมือนนุช ถ้าลูกหลานไม่ย้ายออกไปอยู่ใกล้ที่ทำงาน กลับบ้านมาเยี่ยมวันสุดสัปดาห์หรือวันหยุด ก็หางานไม่ไกลนัก และไปกลับ โอ ลูกชายที่เพิ่งทำงานมา ปีกว่า เขาจบเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ได้งานในบริษัท ไม่ไกลจากบ้านมากนัก เป็นโรงงานผลิตรองเท้า ขายในประเทศและส่งออก ตามที่โอ เล่าให้ฟัง เมื่อหลายปีที่แล้ว มีการ ย้ายโรงงานมาตั้งที่ย่านชานเมือง หลังจากการขยายตัวของการคมนาคม ไม่ไกลจากบ้านเธอ ได้กลายเป็นแหล่งโรงงาน มันค่อยๆ ผุดขึ้น ผ่านไปไม่นาน กลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมไปโดยปริยาย
บ้านเช่า อพารทเม้นท คอนโด ตามมามากมาย แต่ในส่วนลึกจากหมู่บ้านจัดสรร ก็ยังมีชุมชมดั้งเดิม ที่เธอพักอาศัยหลงเหลืออยู่
ด้านหลังของตัวบ้าน เป็นที่โล่ง มีพื้นที่พอประมาณ เธอลงต้นไม้ไว้ แต่ก็ยังมีพื้นที่รกร้างอยู่ มีบ่อน้ำแคบแต่ลึกมาพร้อมที่ ก่อนมีประปาเข้ามา บ่อนี้คงไว้เก็บน้ำฝน แต่ด้วยไม่ได้ใช้แล้ว พ่อโอเลยทำแผ่นไม้ปิดปากบ่อ ป้องกันอันตราย ตั้งแต่ย้ายเข้ามา ที่ว่างด้านหลังบ้านค่อนข้างรก นอกจากต้นไม้ใหญ่ที่ลงไว้ จะมีหญ้าขึ้นรกหูรกตา เนื่องด้วยกำลังของนุชถดถอยตามอายุ นุชจ้างคนแถวบ้านมาทำสวนหลังบ้านเป็นครั้งคราว เมื่อมันรกมาก กลัวสัตว์เลื้อยคลานมาทำอันตราย ก็พอให้ดูดีอุ่นใจได้บ้าง
ก่อนแต่งงาน นุชทำงานเป็นเลขาในบริษัทเอกชน เธอเป็นคนหน้าตาดีพอใช้ เรียบร้อย ตามที่เพื่อนชอบล้อว่าเป็นกุลสตรีเสียจริง จนเมื่อพ่อโอ มาติดต่องานกับเจ้านายเธอ ถูกใจในตัวเธอ เขาหน้าตาดี คล่องแคล่ว จนเพื่อนๆ บอกไม่เข้าใจ ทำไมเขาสนใจในตัวนุช เขาเริ่มสร้างสัมพันธ์อยู่หลายปี จนเมื่อพร้อมจึงตกลงร่วมชีวิต และย้ายมาอยู่ที่นี่ เธอทำงานจนท้องโอ ตกลงกันให้เธอลาออกจากงาน มาเป็นแม่บ้านเต็มตัว เพื่อยู่ดูแลลูก พ่อโอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด โชคดีว่าทางบ้านพ่อของโอพ่อแม่เป็นข้าราชการบำนาญ ดูแลตัวเองได้ จึงไม่เป็นภาระให้กับพ่อโอที่ออกมาสร้างครอบครัว ถือว่าฐานะทางการเงินอยู่ได้ในระดับดี ไม่ได้ขัดสน มีใช้อย่างพอเพียง หน้าที่การงานพ่อของโอ ก็ก้าวหน้าตามลำดับ โอเกิดมาท่ามกลางความรักของพ่อแม่ วันหยุดก็ไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่า อย่างสม่ำเสมอ
นุชเป็นแม่บ้านเต็มตัว ดูความเติบโตของโอแต่ละก้าว พร้อมทั้งดูแลสามี ภายในบ้านเป็นหน้าที่ของนุช ส่วนเรื่องการศึกษาของโอ สามีจะเป็นคนวางแผน ชีวิตของนุชดำเนินด้วยความเรียบง่าย เป็นกิจวัตรที่เหมือนกันในทุกวัน วันหยุด สามคน พ่อแม่ลูกจะไปซื้อของใช้และอาหารสด ถือโอกาสทานมื้อค่ำนอกบ้าน หรือบางครั้งไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าและพาท่านออกมาทานมื้อค่ำด้วยกัน โอใช้เวลาในสวนสนุก ระหว่างที่นุชไปซื้อของ โดยที่พ่อคอยดูแลเขา นุชมีพี่ชายอยู่คนเดียว เขาอยู่ทางเหนือ ค้าขายเล็กๆ น้อยๆ นานๆ จะโทรคุยกันสักครั้ง ส่วนพ่อแม่ของนุช เสียชีวิตก่อนโอเกิด ชีวิตเธอดำเนินปกติเหมือนครอบครัวทั่วไป มันเรียบง่าย ในทุกๆ วัน ทุกอย่างเป็นตารางสำหรับนุช เช้าตื่นเตรียมอาหารเช้า ให้สามีและลูก หลังจากทั้งสองออกจากบ้าน นุชก็ทำหน้าที่แม่บ้าน จนรู้ตัวอีกครั้งก็เป็นเวลาที่รถโรงเรียนมาส่งโอ เธอเริ่มเตรียมอาหารค่ำ มันวนเวียนอยู่เหมือนกันทุกวัน เธอไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย เธอมีความสุขในหน้าที่แม่และเมีย เธอไม่เคยเสียดายที่เสียความเป็นส่วนตัว หรือ เพื่อนฝูง เพราะตั้งแต่มีโอ เธอ แทบจะไม่เคยมีโอกาสติดต่อกับเพื่อนๆ ชีวิตเธอมีแค่โอและสามี พ่อของโอมีความรับผิดชอบเสมอต้นเสมอปลายตลอด ไม่เคยมีปากมีเสียง นุชจะทำตามในสิ่งที่เขาบอก เธอถือว่าเขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เธอทั้งรัก เคารพ และเกรงใจ เขาทำงานหนักเพื่อครอบครัว เธอจึงอุทิศชีวิตเพื่อเขาและลูกเป็นการทดแทนกับความเหนื่อยยากจากงาน การใช้ชีวิตด้วยกันนานเข้า เรื่องที่เหลือจะคุยกันส่วนมากจะเป็นเรื่องลูก นุชไม่ได้รู้สึกยิ่งนานปี ภายในบ้านนอกจากโอคุยกับเธอแล้ว ความเงียบเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในสายตาของพ่อแม่ โอ เป็นเด็กดี ไม่ดื้อ เรียนหนังสือจัดอยู่ในขั้นดี เป็นที่รักของครู และเพื่อนฝูง ชอบเล่นเกมส์ แต่ก็เชื่อฟังแม่เป็นอย่างดี เพราะอยู่กับแม่เกือบตลอดเวลาเขาจึงสนิทกับแม่อย่างมาก ส่วนพ่อ โอรัก พร้อมความกลัว พ่อไม่ดุแต่พูดน้อย เสียงเข้มเวลาโอทำผิด พ่อจะลงโทษด้วยการให้โออยู่ในห้อง 3 ถึง 4 ชั่วโมงแล้วแต่ความผิด ให้โอใช้เวลาสำนึก แรกๆโอกลัวในการถูกขังเดี่ยว แต่แล้วเขาจะใช้เวลาจินตนาการต่างๆ นานา ความเหงาที่เป็นลูกโทน เขาสร้างพี่ชายที่เก่ง ฉลาด ตามใจ เข้าใจเขาทุกอย่าง เขาพูดคุย ปรับทุกข์ เล่นเกมส์ กับ พี่เอ แทบจะทุกคืน ก่อนนอน
“พี่เอ คืนนี้เล่นเกมส์ อักษรไขว้กันนะ” โอ ชวนพี่เอ
“ได้เลย” เอตอบ
โอ เล่นเป็นตัวเอง และหันไปอีกด้านเมื่อถึงคราวที่เอ เล่น เขาหัวเราะกับเอ อย่างสนุกสนาน
“อ้าว พี่เอ ชนะอีกแล้ว” โอ ร้องขึ้นมา
“ไม่เป็นไรหรอก น้องโอ รอบหน้า” เอ หันมาบอก โอ
“นอนกันเถิด” เอ หรืออีกนับหนึ่งคือตัวโอนั่นเองที่พูดกับตัวเอง
“ครับ พี่เอ พี่นอนบนเตียงด้วยกันนะ “ โอพึมพำ แล้วค่อยๆหลับไป
โอหายเหงา ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ตั้งแต่มีพี่เอ เข้ามาในชีวิต เขาอยู่ในห้องบ่อยขึ้น เพื่อมีเวลาอยู่คุยกับพี่เอ
เขาเล่าให้พี่เอฟัง เรื่องที่โรงเรียน เพื่อนๆ เขา วิชาที่เขาไม่ชอบ บางครั้งแอบนินทาเบื่ออาหารฝีมือแม่
เขาบอกพี่เอ ว่าจะสอบเข้ามัธยมต้น โรงเรียนดังที่อยู่ใกล้บ้าน พี่เอ ให้กำลังใจว่า เขาต้องสอบได้แน่นอน
โอตั้งใจมาก เพื่อไม่ให้พี่เอ ผิดหวัง
ชีวิตครอบครัวเล็กๆ ดูเป็นปกติ พ่อกลับมากินข้าวเย็นทุกวัน โอได้ยินว่าพ่อได้เลื่อนตำแหน่ง เป็นผู้จัดการ อะไรสักอย่างในบริษัท หลังจากโอสอบเข้า ชั้น ม.1 โรงเรียนที่เขาตั้งใจ แม่ดูดีใจ มีความสุขมาก แม่ทำอาหารมื้อพิเศษฉลองกันในบ้าน พอขึ้น ม.3 โอเริ่มเรียนพิเศษ เพื่อเตรียมสอบเข้า ม.4 โอกลับบ้านค่ำขึ้น พ่อกับแม่จะกินมื้อเย็นกันก่อน พอโอกลับมาก็จะเจอกับแม่ที่รออยู่ ส่วนพ่อจะขึ้นห้องไปอ่านหนังสือ ทำให้โอเจอพ่อน้อยลง จะเหลือเฉพาะวันอาทิตย์ แต่พอโอโตขึ้น โอก็จะหาทางเลี่ยงไม่ไปจ่ายของเข้าบ้านกับพ่อแม่ เขาอ้างว่าอยากอยู่บ้านอ่านหนังสือมากกว่า พ่อจะถามเรื่องการเรียนและแผนในอนาคต พ่อจะแย้งเขาเมื่อไม่เห็นด้วย เขาก็แค่ตอบรับเห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อบอก ต่อให้จะมีข้อแย้งในใจ นุชจะเป็นผู้ฟังที่ดี เธอยกให้สามีเป็นคนจัดการเรื่องเรียนของโอ
โอ เข้า ม.4 ได้ในสายวิทย์ ที่พ่ออยากให้เรียน เขาบ่นกับพี่เอ เขาไม่ชอบ แต่เขาก็ต้องทำตามพ่อบอก
พี่เอ ปลอบใจเขา บอกเขาอดทนไว้ อีกไม่กี่ปีโอก็จะทำทุกอย่างได้ตามต้องการ ไม่มีใครบังคับ โอใช้เวลาอยู่กับพี่เอมากขึ้น ใช้เวลาอยู่กับแม่น้อยลง นุชวุ่นวายกับงานบ้าน เธอไม่ได้จับสังเกตุว่าทั้งสามีกับลูกห่างเหินเธอไป เขายังกลับมาตรงเวลา โอไม่ได้เกเร เกรดการเรียนจัดว่าดี ไม่หนีเที่ยว ไม่เคยนำเรื่องทุกข์ร้อนเข้าบ้าน
เย็นวันหนึ่ง โอ กลับบ้าน หลังเลิกเรียนพิเศษ โอเข้าบ้าน ไหว้สวัสดีแม่
“ไม่เห็นรถพ่อ พ่อยังไม่กลับหรือครับ”
“พ่อไปงานศพ คุณพงษ์ เจ้าของบริษัทพ่อ เขาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อวาน พ่อคงต้องช่วยงานศพหลายวัน” แม่ตอบ
โอไม่สนใจที่จะถามต่อ เขากินข้าวที่แม่เตรียมไว้ แล้วขอตัวขึ้นห้อง ส่วนแม่คงนั่งรอพ่อกลับเหมือนทุกคืน แม่จะไม่เคยเข้านอนก่อนพ่อกลับเข้าบ้าน
อาทิตย์นั้นโอไม่เจอพ่อทั้งอาทิตย์ เช้าวันเสาร์ โอตื่นลงมา เขาถามแม่
“พ่อไม่อยู่หรือครับ”
“วันนี้วันเผา พ่อออกไปแต่เช้า คงกลับค่ำๆ” แม่ตอบ
พ่อโอ ไม่เคยพาแม่ไปออกงานไม่ว่างานอะไรก็ตาม โอเคยถามแม่ ทำไมแม่ไม่ไปกับพ่อบ้าง แม่บอกไม่อยากไป ไม่อยากทิ้งโออยู่คนเดียว และพ่อเองก็เห็นว่าไม่จำเป็น แม่ควรอยู่บ้านกับโอ เป็นตั้งแต่มีโอจนโอเข้าวัยรุ่น มันจึงกลายเป็นเรื่องธรรมดา ที่แม่จะไม่เคยไปออกงานไหนกับพ่อ แม่เองไม่เดือดร้อนอะไร ไม่คิดเล็กคิดน้อยตามประสาแม่
โอเดินไปโต๊ะอาหาร ตักข้าว นั่งกินข้าวเช้า เสร็จแล้วก็ขึ้นไปคลุกอยู่ในห้องกับพี่เอ เขาคุยกับพี่เอทุกเรื่องที่ผ่านมาในสัปดาห์ เขาจะเล่าให้พี่เอฟัง แล้วถามความเห็น พี่เอสนับสนุนทุกเรื่องที่โอทำว่าถูกต้อง ไม่เคยแย้งโอ
พี่เอ ทำให้โอภูมิใจในตัวเอง ในสิ่งที่เขาทำ บางครั้งพี่เอ จะบอกโอว่าถ้าโอแรงกับเพื่อนอีกสักหน่อย โอจะเป็นที่ยอมรับมากขึ้น มันไม่ใช่การตำหนิ เป็นคำแนะนำเพื่อให้โอได้รับการยอมรับมากขึ้น โอเห็นตามพี่เอ หลายๆครั้งโอรู้สึกว่าโอยอมเพื่อนมากไป ทำให้เพื่อนได้ใจ ไม่ใส่ใจในความรู้สึกของโอ ช่วงหลัง เพื่อนรู้สึกว่าโอเสียงดัง เริ่มทะเลาะกับเพื่อนจากเรื่องเล็กๆ แต่โอก็ไม่ยอม ยืนยันให้ทำตามเขา เพื่อนในกลุ่มค่อยๆเบื่อที่จะทะเลาะกับโอ ตัดปัญหายอมตามโอ แต่สำหรับโอกลายเป็นว่า สิ่งที่พี่เอแนะนำถูกต้อง เพื่อนเกรงใจและเชื่อโอทุกครั้งเมื่อโอขึ้นเสียง โอกลับมาเล่าให้พี่เอฟังด้วยความภูมิใจ โอเริ่มติดขึ้นเสียงกับแม่เวลาอยู่กันสองคน จากเรื่องเล็กๆ อาหารไม่ถูกใจ โวยวายหาของไม่เจอ ด้วยความรัก แม่ก็จะทำอาหารเมนูใหม่ให้ ช่วยหาของที่โอวางผิดที่ให้อย่างรีบร้อน โอไม่เจอพ่อตอนเย็นบ่อยขึ้น โอจึงกลายเป็นเจ้านายในบ้านมากขึ้น แม่บ่นตั้งแต่คุณพงษ์ เจ้าของบริษัทเสียชีวิต พ่อมีงานเพิ่มขึ้น จนวันหยุดยังต้องไปทำงาน สุดสัปดาห์ที่พ่อไปทำงาน
“โอ ไปซื้อกับข้าวกับแม่ ช่วยแม่หิ้ว วันนี้พ่อไม่อยู่ ไปบริษัท” แม่ชวนโอ
“การบ้านรายงานผมเยอะมาก แม่ไปเองเหอะ นั่งแท็กซี่ไปกลับนะแม่” โอพูดต่อ “ไปซุปเปอร์ แม่มีรถเข็น แล้วเข็นมาขึ้นแท็กซี่ ไม่ลำบากหรอก”
นุชพยักหน้า ” งั้นแม่ไปนะ อยู่บ้านดีๆ มีขนมอยู่ในตู้เย็น ไว้กินเล่นเผื่อหิว”
โอพยักหน้า หันเดินกลับขึ้นห้องเขา
พ่อโอ แทบไม่ได้กลับมากินข้าวเย็นที่บ้าน เขากลับบ้านเกือบเที่ยงคืนจนเป็นเรื่องปกติ บ่นเหนื่อย บอกนุชไม่ต้องรอเขากลับ ให้ขึ้นไปนอนก่อนเลย นุชรับคำ เห็นใจว่าเขาคงต้องช่วยงานบริษัทมากขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางหลังจากคุณพงษ์ขากไป วันหยุดพ่อโอ ก็แทบไม่ได้หยุด ทำให้นุชเป็นห่วงเขามาก เขาถามถึงโอเรื่องการเรียนบ้าง ดูผลการเรียนของโอ เขาพอใจ เมื่อใกล้จะสอบเข้ามหาลัย พ่อบอกให้โอ เรียกวิศว–คอม
ด้วยผลการเรียนโอ น่าจะสอบได้ พ่อบอกโอว่าเรียนจบมีงานทำแน่นอน โอ ไม่ได้ชอบวิศว มากนัก โอไม่รู้ว่าเขาเองอยากเรียนอยากทำอะไร เขาชอบเล่นเกมส์ แต่เขาไม่รู้ว่าเขาจะชอบคอมพิวเตอร์มากพอหรือไม่
เขาบ่นกับพี่เอ พี่เอ สนับสนุนให้เขาเรียนตามพ่อบอก พี่เอ บอกว่า โออยู่บนโลกคอมพิวเตอร์ โอไม่ต้องสุงสิงกับผู้ตน พี่เอเตือนโอ ให้ดูเพื่อนๆโอสิ อิจฉาโอว่าเรียนเก่งกว่า กลัวโอ เลยค่อยๆหายไป เพราะคนสมัยนี้หาความจริงใจยาก โอควรทำงานกับเครื่อง ไม่ต้องปวดหัวคุยกับคนไม่จริงใจมากมาย พี่เอเห็นว่าทำงานกับคอมพิวเตอร์ โอจะปลอดภัยไม่ต้องผจญกับผู้คนที่น่ากลัว โอ สงสัยเรื่องเพื่อนที่หายหน้าหรือหลบเขา เพราะนิสัยที่เปลี่ยนไปทีละน้อยของโอ ทำให้เพื่อนไม่สบายใจที่จะเสวนา และเมื่อไม่อยากขัดแย้งกับโอ เพื่อนก็หลีกเลี่ยงที่จะไปไหนมาไหนด้วย แต่กลุ่มเพื่อนก็ยังอยู่ เพียงแต่กีดกันโอออกไป แต่พี่เอคอยสะท้อนออกมาว่าเพื่อนอิจฉาโอ ไม่จริงใจ โอไม่ควรเสียเวลากับเพื่อนพวกนี้ โลกสมัยนี้ไม่มีใครจริงใจกับใคร มีแค่เขาที่จริงใจกับโอ คำพูดที่โอพุดกับตัวเองในเสียงแว่วว่าเป็นพี่เอ ฝังเข้าไปในจิตใจของโอทีละน้อย กลายเป็นความเชื่อโดยสนิท
ท้ายสุดมัธยมปลายผ่านพ้น เขาสอบเข้ามหาลัยได้ในคณะที่พ่อต้องการ โอสะกิดใจเล็กน้อยว่าพ่อแม่ดูดีใจน้อยกว่าตอนที่เขาสอบเข้ามัธยมได้เสียอีก แต่เป็นแค่ความคิดที่วูบเข้ามาและผ่านไป เขาไม่แม้แต่สังเกตุว่าเขาเห็นพ่อในบ้านน้อยลง บ้านเงียบสงบมากเกินไป แม่ก็พูดกับเขาน้อยลง แต่ความรู้สึกนี้ก็แล่นผ่านไปอย่างรวเร็ว เขาคุยกับพี่เอ
“ไม่มีอะไรหรอกโอ พ่อคงยุ่ง แม่ก็มัวแต่ทำงานบ้าน”
“งั้นหรือพี่”
“ใช่ โอ เวลาไปมหาลัย โออย่าไปคุยกับใครมากนะ ไม่มีใครหวังดีหรอก”
“จริงหรือพี่ โอก็ไม่มีเพื่อนสิ”
“สมัยนี้ไม่มีใครเป็นเพื่อนแท้หรอกโอ” “มีแต่คนเห็นแก่ตัว อิจฉาริษยา อย่ายุ่งดีที่สุด”
โอตอบพี่เอ “ผมก็เบื่อแย่สิ”
“โอ โตแล้ว เดี่ยวพี่จะสอนให้โอเล่นเกมส์สนุกๆ”
“จริงนะพี่”
น้องใหม่ในมหาลัย โอเป็นรุ่นน้องที่สุภาพ เรียนเก่ง แต่ห่างเหิน และเก็บตัว คณะที่โอเรียน ค่อนข้างจะเป็นคณะที่สนุกสนาน ดื่มเก่ง ช่วงแรก รุ่นพี่และเพื่อนรุ่นเดียวกันต่างพยายามชักชวนโอให้เข้ากลุ่มทั้งสันทนาการ และ ชมรมต่างๆ แต่โอบ่ายเบี่ยงแบบสุภาพ จนท้ายสุดทุกคนก็ถอยห่าง โอจะร่วมกิจกรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะมีเรื่องของเกรดเข้ามาเกี่ยวข้องเท่านั้น ต่างคิดว่าโอ อาจมีปัญหาทางบ้าน อาจารย์ที่ปรึกษาก็เคยเรียกโอมาคุยสอบถาม โอไม่ได้ให้ความร่วมมืออะไรมาก แต่ทว่าโอก็ตอบอย่างสุภาพว่าเขามาเพื่อเรียนนั่นคือเป้าหมาย แม้อาจารย์จะพยายามอธิบายว่า คนเราอยู่คนเดียวไม่ได้ในสังคม นอกจากการเรียนสังคมในมหาลัย จะมีผลดีในอนาคตการงาน โอ ยิ้มตอบ และขอบคุณในความห่วงใยของอาจารย์ แค่นั้น
บ่ายวันหนึ่ง หลังโอ เปิดภาคเรียนที่ 2 ไม่นาน นุชอยู่บ้าน กำลังจะเริ่มลงมือรีดผ้า เธอได้ยินเสียงรถพ่อโอ จอดหน้าบ้าน เธอนึกแปลกใจว่าทำไมเขากลับบ้านตอนนี้ หรือว่าเขาจะไม่สบาย แต่เมื่อเช้าที่ออกไปทำงาน เขาก็ดูปกติดี เธอรีบเดินไปดูที่ประตูบ้าน มองผ่านประตูมุ้งลวด เห็นเขากำลังเดินเข้ารั้วบ้านมา เธอผลักประตุมุ้งลวด ก่อนที่เขาจะเดินถึง
“พี่ เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ ทำไมกลับบ้านตอนนี้ ไม่สบายหรือเปล่าค่ะ” นุช ถามอย่างร้อนใจ
พี่ชัย พ่อโอ เดินเข้าบ้าน นั่งลงที่โซฟา “ พี่ไม่ได้เป็นอะไร แค่มีเรื่องอยากคุยกับนุช”
“มีอะไรค่ะ” นุชนั่งลงบนเก้าอี้ ตรงข้ามกับสามี สีหน้ากังวลและสงสัย
“เออ คือพี่อยากบอกนุช ว่าพี่คิดมานานแล้ว พี่จะบอกนุชว่าเราเลิกกันเถิดนะ”
“อะไรนะคะ” นุช ร้องเสียงสูง ไม่เชื่อหูตัวเอง น้ำตาเริ่มออกจากดวงตาเป็นสายโดยเธอไม่รู้ตัว
“ พี่ พูดเล่นใช่ไหม” นุช ถามเสียงสะอื่น
“นุช ฟังพี่นะ พี่ขอโทษ แต่พี่ก็ยังดูแลนุชกับโอทุกอย่าง เราก็ยังเป็นพ่อแม่โอ เพียงแต่พี่ไม่ได้รักนุชเหมือนก่อนแล้ว”
“ทำไมค่ะ นุชทำอะไรผิด”
ชัย ถอนใจยาว นุช หูอื้อ จับใจความที่ชัย พยายามอธิบายได้คร่าวๆ
เขาไม่รู้ว่าหมดรักเธอเมื่อไหร่ อาจจะเริ่มตั้งแต่โอเข้ามัธยม นุชทำหน้าที่เมียและแม่ที่ดี แต่ความรักเสน่หา ความตื่นเต้นในชีวิตคู่กลับน้อยลงไปตามลำดับ จนเขาทำเพราะมันเป็นหน้าที่ เขาคิดมานานและพยายามทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ไม่นอกลู่นอกทาง แต่ข้างในตัวเขา มันเหงาและอ้างว้างมากขึ้น เขาไม่มีความสุข สิ่งที่ประคองเขาไว้ได้คืองานและโอ นอกนั้นเขาว่างเปล่ามาก
จนเมื่อคุณพงษ์เสียชีวิต คุณทิพย์ ภรรยาของ คุณพงษ์ เข้ามารับงานต่อ คุณทิพย์ขอร้องให้เขาช่วยสอนงานเธอ และเลื่อนตำแหน่ง ให้ดูแลธุรกิจมีอำนาจมากขึ้น เขาใกล้ชิดกับคุณทิพย์ที่มีอายุอ่อนกว่าเขาไม่กี่ปีเพราะเรื่องงาน ช่วงแรกทุกอย่างเป็นปกติ เป็นเรื่องเนื้องาน แต่นานเข้า ความรู้สึกพิเศษระหว่างสองคนก็ก่อตัวขึ้นทีละน้อย จากเรื่องงาน ก็เริ่มปรึกษาปัญหาส่วนตัว ทั้งสองเริ่มรู้สึกถึงความเข้าใจที่มีให้กัน รวมทั้งการใช้ชีวิตในสังคมทำงาน ทำให้คุยกันได้ในทุกเรื่อง มันแปรเปลี่ยนจากความเข้าใจ เป็นความเสน่หาและเขาคิดว่าเป็นความรักครั้งใหม่ของเขา
เขาถูกดึงดูดเข้าไปในห้วงความรักครั้งใหม่ จนเขาขาดคุณทิพย์ไม่ได้ เธอมาเติมเต็มในส่วนที่เขาขาดหายไป สำหรับคุณทิพย์ ชัย เป็นที่พึ่งหลังสามีเสียชีวิตและอยู่เคียงข้างเธอ ในช่วงเวลาที่เธอขาดที่พึ่ง ชัย ยังเข้าได้ดีกับลูกสาวเธอที่กำลังย่างเข้าวัยรุ่น ความโหยหาของเธอถูกเติมเต็มโดยชัย
ชัย เสริมว่าเขามีความสัมพันธ์พิเศษกับคุณทิพย์มาหลายปี แต่ที่เขาทอดเวลาไว้ เขาต้องการให้โอเข้ามหาลัยก่อน ซึ่งโอน่าจะโตพอแล้วในช่วงเวลานี้ น้องแพท ลูกสาวคุณทิพย์ กำลังจะเข้ามัธยมปลายที่เมืองนอก ดังนั้นเธอก็ต้องการเปิดเผยและให้ชัยไปใช้ชีวิตร่วมกับเธอ ชัยยืนยัน นุช ไม่ได้ทำอะไรผิด เขาหวังว่าเธอจะเข้าใจเขาและให้อภัย เขาจะดูแลทั้งเธอและโอ เหมือนเดิม ทางคุณทิพย์ก็ไม่ขัดข้อง เขาจะแวะมาเยี่ยมเยียนอย่างสม่ำเสมอ เขาขอโทษ รู้ว่านุชเสียใจ แต่เขาไม่อยากอยู่แบบนี้อีกต่อไป
ชัย ดึงนุชเข้ามากอดลูบหัว พูดเบาๆ “พี่ขอโทษ เรายังคงเป็นพ่อแม่ของโอ พี่จะดูแลนุชและโอให้ดีที่สุด”
นุช ร้องไห้โฮ สะอึกสะอื้นไม่หยุด เมื่อชัยปล่อยตัวเธอก็ทรุดลงบนโซฟา ก้มหน้าน้ำตาไหลเป็นสาย ชัยเดินขึ้นไปบนห้องนอน เก็บของใช้ส่วนตัว นุชยังจมอยู่บนเก้าอี้ มันเหมือนฟ้าผ่าลงมาบนตัวเธอ เธอสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น เธอกำลังฝันร้ายหรือ เธอไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง มันชาจนเธอไม่รู้สึกเจ็บ มันชาจนความเจ็บยังเข้ามาเยือนไม่ถึง
ความมืดเข้ามาปกคลุม ภายในบ้านชั้นล่างยังมืดมิด โดยที่นุชยังนั่งอยู่ที่เดิม ได้ยินเสียงเดินจากชั้นบน และเสียงแว่วๆในการรื้อข้าวของ สุดท้ายเสียงเงียบลง ได้ยินเสียงฝีเท้าลงบันได
“พี่จะรอบอกโอเอง” ชัย พูดขึ้น ผลักประตูบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทาง
ชัยไม่ได้กลับเข้าบ้าน เขานั่งอยู่บนม้าหินหน้าบ้าน
นุช ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ได้ยินเสียงประตูมุ้งลวดถูกผลักเข้ามา พร้อมกับได้ยินเสียงรถแล่นออกไป
ไฟในบ้านสว่างขึ้น โอเปิดไฟ เดินเข้ามาหาแม่ เขากอดแม่ มันเป็นความเงียบ โอไม่ได้พูดอะไรและไม่มีน้ำตา
สีหน้าเขาเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใด สักพักเขาพูดกับแม่
“ไปล้างหน้าเถิดครับ เดี๋ยวผมหุงข้าวให้”
เขาพยุงนุชลุกขึ้น นุชยังมึนงง น้ำตาเหือดแห้ง เธอเดินไปห้องน้ำ เหมือนหุ่นยนต์ เธอหายใจติดขัด เจ็บจนเธอไม่เคยคิดว่าความเจ็บปวดมันรุนแรงจนสุดจะบรรยายได้
โอ หุงข้าว ทอดไข่ ตักข้าววางไว้ให้แม่ ทั้งสองนั่งกินข้าวที่แทบจะกลืนไม่ลงด้วยความเงียบ
เขาเก็บจานชาม พาแม่ขึ้นไปข้างบน นั่งรอให้แม่อาบน้ำ เขาค้นหายาในกล่องยาที่จะช่วยให้นอนหลับ เขาเจอยาแก้แพ้ มันคงช่วยให้แม่หลับลงได้ในคืนนี้ เมื่อนุชออกจากห้องน้ำ โอยื่นยาและแก้วน้ำให้นุช เขาอยู่รอจนนุชหลับ ค่อยๆปิดประตูห้องนอนแม่
โอกลับมาที่ห้องตัวเอง เรียกหาพี่เอ เขาเล่าให้พี่เอฟัง เขาบอกพี่เอ พ่อทรยศหักหลังทั้งเขาและแม่ พ่อขอโทษเขา บอกว่ายังไงพ่อจะดูแลเขา แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาเคยภูมิใจในครอบครัว แต่ตอนนี้มันแหลกสลายด้วยมือของพ่อ
“พี่เคยบอกโอ โลกนี้ไม่มีใครหวังดีกับโอจริง ดูสิแม้กระทั่งพ่อ ยังทรยศ”
“ผมเชื่อพี่ แต่ผมไม่คิดว่าพ่อก็ยังหักหลังเรา”
“ โอ เข้มแข็ง โออยู่ได้ โอยังมีพี่นะ พี่จะอยู่กับโอทุกเวลาที่โอต้องการ”
จากวันนั้นที่พ่อมาเก็บของ ล่วงเลยมาหลายปี จนโอเรียนจบ พ่อทำตามที่พูด คือดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านและค่าเล่าเรียน ช่วงแรกพ่อก็ยังแวะเวียนมา แล้วค่อยห่างออกไปหลังจากย่ากับปู่ได้จากไปในเวลาไล่เลี่ยกัน จนโอจำไม่ได้ว่าพ่อมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ พ่อโทรมาคุยกับโอบ้าง บทสนทนาก็เรื่องเดิม การเรียน สบายดีไหม คำถามกลายเป็นคำถามคนแปลกหน้ามากขึ้น
ก่อนคุณปู่คุณย่าจะถึงแก่กรรม โอพาแม่ ไปหาท่านตามเทศกาล ท่านทั้งสองเสียใจกับการเลิกลา ได้แต่ปลอบใจนุช โอ ปฏิเสธการเข้าร่วมพิธีรับปริญญา โอไม่ต้องการให้แม่ไม่สบายใจที่ต้องพบพ่อในที่สาธารณะ โอได้งานก่อนเรียนจบ เพราะผลการเรียนดี โอ เลือกบริษัทที่ไม่ไกลบ้าน แม้ว่าจะไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่โต แต่โอเลือก เพราะบริษัทมีข้อเสนอให้ทำงานที่บ้านได้เท่าที่ต้องการ ยกเว้นเวลาที่มีประชุม มันเป็นข้อเสนอที่ทำให้โอตกลง แม้เงินเดือนจะน้อยกว่าที่อื่น
แม่ดีขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป เพื่อนบ้านถามถึงพ่อบ้าง แม่จะบอกว่าพ่อไปประจำต่างจังหวัด สังคมที่ยังมีความเอื้อเฟื้อแบบคนต่างจังหวัด ยังเกื้อกูลกันแบบชาวบ้าน ทำให้ยังเป็นพื้นที่น่าอยู่ มีการแลกเปลี่ยนของกินช่วยเหลือกันและกัน โอไม่ค่อยห่วงแม่ เวลาโอไม่อยู่บ้าน ถ้าเกิดอะไรขึ้น ลุงกับป้า บ้านถัดไป หรือ อานิดที่อยู่กับลูกที่นานๆกลับบ้านสักครั้ง พร้อมจะช่วยเหลือ ความเผื่อแผ่จากเพื่อนบ้าน ทำให้ทั้งสองแม่ลูกไม่เคยคิดย้ายออก แม้บางครั้งแม่จะเจ็บปวดกับสถานที่ ที่มีรอยพ่ออยู่ แม่เก็บรูป และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับพ่อ โอไม่แน่ใจว่าแม่แค่เก็บเข้าห้องเก็บของเล็กๆใต้บันได หรือ แม่เผามันทิ้ง โอไม่เคยถามแม่ โอรู้ว่าความเจ็บของแม่ไม่เคยหายไป มันฝังสลักลึกไม่มีวันลืมเลือน
โอยังเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวในที่ทำงาน เหมือนช่วงที่เรียนมหาลัย แต่ด้วยผลงานของโอที่ดีเสมอต้นเสมอปลาย และความสุภาพของโอ ทำให้เจ้านายมองข้ามในเรื่องการขาดการเข้าร่วมของโอ โอส่งงานตรงเวลา เข้าบริษัท สัปดาห์ละ สองวันมากสุด หรือบางครั้งเข้าเฉพาะนำเสนองาน โอใช้เวลาทำงานที่บ้านโดยส่วนใหญ่ ซึ่งมันก็ดีสำหรับแม่ เวลาที่โออยู่บ้าน แม่จะวุ่นวายการเตรียมอาหาร ดูแลโอ อย่างน้อยก็ทำให้แม่ไม่จมอยู่กับบาดแผลจนเกินไป แม่เคยถามโอ
“ไม่มีแฟนหรือลูก”
โอส่ายหัว “ผมไม่สนใจหรอกแม่เรื่องแฟน”
พี่เอ ยืนยันกับโอเสมอจะอยู่ข้างโอตลอด โอไม่ต้องมีใคร เพราะไม่ว่าใครก็ไม่จริงใจกับโอ แม้กระทั่งพ่อ
นุชมีสุขภาพกายแข็งแรง แม้ว่าใจจะแตกสลาย แต่เธอพยายามหยิบจับทุกอย่างที่จะทำได้ มันทำให้เธอลืมแผลที่อยู่ในส่วนลึกของตัวเธอ นุช ไม่ต้องการทำให้โอกังวลกับเธอ โอให้เวลากับเธอ ไม่ทิ้งเธอ แม้ว่าเขาจะเป็นลูก นุชกลับสำนึกเป็นบุญคุณในสิ่งที่โอตอบแทนเธอนอกเหนือจากความรักในฐานะแม่ เธอคิดว่าเป็นบุญคุณอีกด้วย แม้จะไม่ได้แสดงออกซึ่งความรักระหว่างแม่ลูกกัน แต่ลึกลงไป ทั้งคู่ต่างรู้ว่าความรักห่วงใยทั้งหมดที่นุชมีได้มอบให้กับลูกคนเดียวของเธอ แม้กระทั่งชีวิตเธอก็ให้เขาได้ โอเอง นอกจากพี่เอ แม่ก็คือทุกสิ่งของเขา
เขาไม่ใช่คนแสดงออก แม่รู้ดีในเรื่องนั้น ชีวิตสองแม่ลูกอยู่ในโลกที่มีกันและกัน มีแผลเรื้อรังร่วมกันทั้งคู่ไม่ต้องเอ่ยถึงมัน แผลถูกกดลึกอยู่ข้างในของทั้งสองแม่ลูก
“ พี่เอ เกมส์ที่พี่บอกให้โอเล่น โอเริ่มเล่นแล้วนะ”
“ นายจะใช้เวลาเล่นนานไหมที่จะเอาชนะ”
“ไม่นานหรอกพี่ โอว่าแค่เดือนเดียว โอชนะแน่ พี่ก็รู้ว่าโอวางแผนก่อนลงเล่นทุกครั้ง”
“พี่เป็นกำลังใจให้นาย แต่นายห้ามล้มเลิกกลางคัน นายต้องชนะเท่านั้น อย่าทำพี่เสียใจ”
“พี่มั่นใจในตัวโอได้ โอไม่เคยทำพี่ผิดหวังนะ”
พี่เอยิ้มด้วยความพอใจในคำตอบ
เช้าวันนี้ แม้ไม่ใช่วันพระ แต่นุชตื่นมาทำแกงหม้อใหญ่ หุงข้าว ขึ้นมาใส่บาตร สีหน้าสดใส สายๆ นุชแบ่งแกงเป็นถุงๆ เพื่อแบ่งปันให้เพื่อนบ้าน
“วันนี้วันอะไรจ๊ะ ถึงใส่บาตรล่ะแม่โอ” เพื่อนบ้านต่างถาม
“ไม่มีอะไรหรอกจ้า เมื่อวานได้เครื่องแกงใต้มา เลยลองแกงไก่ใต้ ทำเผื่อไว้เยอะอยู่ เอามาแบ่งกันชิม”
ถึงตอนนี้เพื่อนบ้านคงรู้ได้ว่าพ่อไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว แต่ทุกคนก็ใม่เคยถาม เพื่อไม่ให้นุชและโอลำบากใจ เมื่อเจอกันก็ถามสารทุกข์สุกดิบหรือถึงข่าวคราวลูกหลานอีกฝ่าย นุช รุ้สึกขอบคุณเพื่อนบ้านที่ไม่ทำให้แผลที่ตกสะเก็ดกลัดหนองขึ้นมาอีก
นุช ไม่ได้เจอพ่อโอมาหลายปี เธอไม่เคยคิดว่าชัย ที่เธอรักจะโหดร้ายกับเธอและโอ ได้เพียงนี้ นุช เห็นเขา นานๆครั้งในข่าวสังคม พร้อมภรรยาที่ส่งเสริมเขาได้ในสังคม เขาดูเปลี่ยนไปมาก เขาดูดีขึ้นอย่างที่นุชต้องยอมรับ คงเพราะเงินสามารถบันดาลให้ได้ทุกสิ่ง สองเดือนที่แล้ว โอบอกนุชว่า ลูกเลี้ยงพ่อเรียนจบกลับมาจากเมืองนอก พ่อโทรมาให้โอไปกินข้าวกับครอบครัวใหม่พ่อเพื่อทำความรู้จัก แต่โอปฎิเสธพ่อ โอบ่ายเบี่ยงทุกครั้งที่พ่อชวน นอกเสียจากที่โอเลี่ยงไม่ได้ โอจำเป็นต้องไปทานข้าวกับพ่อและภรรยาพ่อ แต่ครั้งนี้โอยืนยันที่จะไม่ไป พ่อโกรธโอมาก
โอ เปลี่ยนจากมอเตอร์ไซค์มาเป็นรถยนต์ เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว พ่อออกเงินมัดจำให้ โอไม่ปฏิเสธ โอคิดว่ามันเป็นหน้าที่พ่อ แล้วทำไมเขาจะไม่รับ เขาไม่ใช่พระเอกในนิยายที่ต้องจองหองกับพ่อ
เมื่อคืนโอกลับบ้านเกือบตีหนึ่ง เมื่อเอารถเข้าบ้านแล้ว สิ่งแรกที่โอทำ คือวิ่งขึ้นไปหาพี่เอ เขาตะโกนเรียกพี่เอ
“โอ ชนะเกมส์แล้ว ในเวลาด้วยพี่”
“โอ เก่งมาก มันยังไม่จบ ไปจัดการให้เรียบร้อย แล้วค่อยมาเล่าให้พี่ฟัง”
โอ วิ่งลงมาที่รถ เปิดประตูด้านคนนั่ง มีหญิงสาวนอนอยู่บนเบาะ โอรู้ว่ากล้องวงจรปิดมีในหมู่บ้านจัดสรรแต่ลึกเข้ามาในพื้นที่ดั้งเดิม มันไม่มีกล้องวงจรปิด เขาตามเธอคนนี้มาหลายสัปดาห์ โอรู้จักดีว่าเธอเป็นใคร เขาตาม Social เธอ โดยใช้ชื่ออื่นเพราะการที่เธอเปิดเป็นสาธาราณะ ทำให้เข้าถึงง่ายโดยเฉพาะเมื่อเจ้าของบัญชีใช้มันอย่างบ้าคลั่ง เพื่ออวดสิ่งที่ทำให้คิดว่าเหนือกว่าคนอื่น ต้องการให้เพื่อนหรือแม้กระทั่งคนไม่รู้จักอิจฉาเธอกับรูปแบบชีวิตที่คนอื่นมากมายเป็นไม่ได้ คืนนี้เธอมีปาร์ตี้ในผับหรูที่ต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น โอไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เข้าไปสถานที่เช่นนั้น และอีกหลายที่ ที่เธอไปก่อนหน้านี้ แต่โอก็ยังไปในทุกที่ เมื่อรู้ว่าเธอจะไป เขาต้องใจเย็น รอโอกาส ซึ่งมันคงจะมาถึงแน่นอน เขารู้ดีว่าความอดทนคือสิ่งที่เขาต้องมี มันไม่ยากสำหรับเขา เพราะเขาเป็นคนใจเย็นรอบคอบตั้งแต่เด็ก รวมทั้งสิ่งที่พี่เอสอนเขามาตลอด
เมื่อคืนเกือบเที่ยงคืน เขาซุ่มจอดรดอยู่ริมถนน ห่างจากทางออกคลับหรูเล็กน้อย เขารู้ว่าเธอมีเพื่อนชายขับรถไปรับเธอจากบ้าน มาถึงที่คลับเกือบสี่ทุ่ม โอจอดอยู่ในจุดที่จะเห็นรถทุกคันออกจากคลับ เขาคิด คืนนี้คงไม่ใช่จังหวะที่ดี แต่เขาก็ยังนั่งรออยู่หลังพวงมาลัย ด้วยความที่เป็นคลับหรู ลุกค้าไม่ใช้บริการรถรับจ้าง คลับเองก็ไม่อนุญาติให้รถรับจ้างจอดรอลูกค้า มันทำให้ดูไม่เป็นระเบียบ ด้านในมีที่จอดรถสำหรับลูกค้า ริมถนนจะมีรถส่วนบุคคลจอดบ้างเวลาใกล้ปิด ส่วนมากจะมารอรับพนักงานหลังเลิกงาน ประมาณเที่ยงคืนเศษ โอแฝงตัวอยู่ในกลุ่มนี้ เขาเหลือบดูกระจกหลัง ตลอดเวลา ทันใดนั้นเขาเห็นเธอเดินเลี้ยวออกมาจากคลับจนถึงถนน เธอเหลียวมองไปมา คงมองหารถรับจ้าง โอแปลกใจ แล้วเพื่อนเธอล่ะ ทำไมเธอถึงเดินออกมาคนเดียว เสี้ยว 2 ถึง 3 นาที เมื่อไม่มีรถรับจ้างมา เธอเดินเซเล็กน้อยมาทางรถโอ เขาจับตามอง จนเธอเดินผ่านด้านข้างรถเขาไป เธอน่าจะเดินไปให้ถึงสี่แยกห่างไปประมาณสามร้อยเมตร จุดนั้นเธอคงคิดว่าหารถได้ง่ายกว่า มันเป็นคืนวันธรรมดา ผู้คนค่อยข้างเงียบ มีรถผ่านมานานๆสักคัน โอปล่อยให้เธอเดินผ่านไป เมื่อเธอทิ้งระยะห่างไปสักพัก โอจึงเคลื่อนรถตาม เขามีเป้าหมายหน้าปากซอยที่เป็นทางลัดสู่อีกถนน ค่อนข้างมืด เธอกำลังจะเดินข้ามปากซอยเล็กนั้น เธอไม่ทันระวัง โอเลี้ยวเข้ามาอย่างเร็ว เธอตกใจเมื่อจู่ๆมีแสงไฟสาดใส่ เสียงรถและตัวรถที่เกือบถึงตัวเธอ ทำให้เธอร้องออกมาและสะดุดขาตัวเองล้มลง โอรีบลงจากรถเข้าไปหาเธอ เขาถามเธอ “เป็นอะไรไหมครับ” เธอยังอยู่สภาพตกใจมีกลิ่นเหล้าเมื่อเข้าใกล้เธอ เธอดูงงๆอยู่ โอประคองเธอ
“ไปบนรถผมก่อน” โอบอก เขาช่วยเธอลุกขึ้น พอถึงฝั่งผู้โดยสาร เขาเปิดประตูรถ ประตูเปิดค้างอยู่ ประตูบังตัวเธอถ้ามีรถสวนมา เขากำหมัดชกเข้าที่ท้องน้อยเธอ 2 ครั้ง เขาผลักเธอนั่งบนเบาะ ระหว่างที่เธอแทบหมดสติ ด้วยความเจ็บปวดและจุกอย่างหนัก เขาคาดเข็มขัดให้เธอ เสร็จแล้ววิ่งอ้อมมาด้านคนขับ ถอยรถเล็กน้อยเอารถกลับสู่ถนนใหญ่ มุ่งหน้ากลับบ้าน เขาหันไปมองหญิงสาวด้านข้างเป็นระยะ เธอสลบด้วยความเจ็บปวดผสมความมึนเมา โชคช่างเข้าข้างเขาเสียเหลือเกิน โอพูดกับตัวเอง เขาอดทนมานาน มันไม่ใช่เรื่องง่าย เกือบ สิบปีที่เขากับแม่ต้องทนอยู่
เธอยังคงสลบเมื่อโอถอยรถจอดในบ้าน เขาเอาผ้าผูกตา และเชือกมัดแขนไขว้ไว้ด้านหลัง ก่อนที่เขาจะวิ่งขึ้นไปหาพี่เอ
เขากับพี่เอวางเกมส์นี้กันมา ถกเถียงกันในแผนกลับไปกลับมานับครั้งไม่ถ้วน ท้ายสุด แผนปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ เขาบอกพี่เอ แต่จุดจบยังเป็นเหมือนแผนแน่นอน เริ่มแรกเขามีแผนตอนจบมากมายหลายรูปแบบ พี่เอต้องให้สติว่าอย่าฟุ้งซ่าน โอได้สติ เขาเริ่มเตรียมอุปกรณ์ สิ่งของ ที่จำเป็นที่ต้องใช้อย่างรอบคอบ โอเช็คแล้วเช็คอีกหลายรอบ เขาจะไม่พลาดเด็ดขาด
เขากลับมาที่รถ เธอกำลังดิ้นรนเพื่อแก้เชือกที่โอมัดเธอที่มือ เมื่อโอเปิดประตูรถตาเธอเบิกโพลงมองมาที่โอ แววตานั้นหวาดกลัว เป็นแววตาที่ใกล้เสียสติ เธอพยายามพูดอะไรบางอย่าง ส่ายหน้าไปมา แต่ผ้าที่ผูกปากเธอไว้ ทำให้ไม่มีเสียงเปล่งออกมา
“จำหน้าผมไว้นะ”
เธอดูงุนงง เธอมั่นใจว่าเธอไม่เคยรู้จักเขา
“ถือว่าคุณคือการไถ่บาป”
โอ ใช้ผ้าที่เตรียมไว้ผูกตาเธอทันทีที่พูดจบ เธอพยายามดิ้น แต่โอใช้เข็มฉีดยาฉีดเข้าที่ข้อพับแขน
เธอค่อยๆหยุดดิ้น สงบลงในที่สุด ยาสลบผสมยาเสพติดที่รุนแรงที่สุดผสมอยู่ในนั้น โอศึกษาทุกอย่างและสั่งซื้อในโลกออนไลน์ เขามีบัญชีที่เขาใช้ โดยปิดบังตัวตน เขามั่นใจไม่สามารถสาวมาถึงเขาได้ เขามองไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใยว่าไม่มีใคร ที่จริงแล้วบ้านแต่ละหลังต่างมีต้นไม้ใหญ่ และมีอาณาบริเวณ ดังนั้นมันยากที่จะมองเข้ามาเห็นด้านในบ้าน นอกเสียจะมายืนที่หน้ารั้วบ้านมองลอดเข้ามา เวลานี้คงไม่มีใครทำเช่นนั้น แต่ด้วยเป็นคนรอบคอบโอกวาดตาไปโดยรอบ เพื่อความแน่ใจ
โออุ้มเธอเดินไปหลังบ้าน ผ่านที่รกๆ มีวัชพืชที่เกิดขึ้นตามมีตามเกิด ต้นไม้ใหญ่เก่าแก่ที่ปกคลุมอยู่หลายต้น พื้นเป็นกรวดเล็กๆ และซีเมนต์แตกๆ เป็นหย่อมๆ
แม่ไม่มีกำลังจะจัดการได้ เพราะกำลังที่ถดถอย และโอเองก็ไม่ได้สนใจ มีเศษกิ่งไม้หักตกระเกะระกะ ไฟที่เคยมีอยู่ 2 หรือ 3 จุด ที่ติดไว้ ตอนโอยังเด็ก มันดับไปนานแล้วไม่ได้มีการซ่อมให้มันใช้ได้ สองคนที่อยู่บ้านนี้คิดตรงกันว่าไม่เคยจะเข้ามาช่วงค่ำคืนอยู่แล้ว เลยปล่อยทิ้งไว้ ดังนั้นมันจึงมืดแทบสนิท แต่โอก็อุ้มร่างเดินไปถึงจุดหมายได้ ช่วงหลังเขาลงมาใช้เวลากับที่นี้บ่อยครั้ง
เขาอุ้มร่างหญิงสาวเดินมาถึงบ่อเก่าที่ปิดทิ้งไว้ตั้งแต่พ่อแม่ย้ายเข้ามาที่นี่ก่อนโอเกิดเสียอีก บ่อกว้างเมตรเศษๆ ลึกมากกว่า 10 เมตร เคยใช้เป็นที่เก็บน้ำฝน แต่มันเหือดแห้งมานาน โอเพิ่งมาสำรวจเมื่อไม่นาน ในบ่อมีกลิ่นไม้ กลิ่นอับชื้นของเศษขยะจากก้นบ่อ ตอนโอมาเปิดดู เขาไม่ได้ทำความสะอาดหลังจากส่องไฟฉายดูสภาพข้างในบ่อ แต่สิ่งทีเขาทำ เขาเริ่มทยอยนำผ้าห่มเก่าๆ ที่รองนั่งที่เก็บไว้ในห้องใต้บันได ที่ไม่ได้ใช้งาน โยนลงไปในนั้น สุดท้ายแล้วโอซื้อที่นอนใหม่สำหรับห้องนอนเขา และซื้อให้แม่ด้วย โอบอกแม่ว่าทั้งสองห้องที่นอนใช้มานาน เสื่อมสภาพ ทำให้ปวดหลัง แม่ไม่ขัด ที่นอนใหม่ มาแทนที่นอนเก่าทั้ง 2 หลัง แม่ถามโอว่าจะทำยังไงกับของเก่า โอบอกเขาจะไปไว้หลังบ้านก่อน เขากรีดที่นอนดึงไส้ที่ทำจากนุ่นผสมยางพาราออกมาใส่ถุงผ้าใหญ่ที่เขาเตรียมไว้หลายสิบถุง เขาบรรจุ จนเต็มแต่ละถุง ทยอยทิ้งลงไปในบ่อ รวมกับของเก่าที่รื้อมาจากห้องเก็บของ จนเต็มพื้นที่ก้นบ่อและสูงขึ้นมาพอประมาณ ยังเหลืออยู่อีกหลายสิบถุงที่เรียงไว้รอบๆบริเวณ หลายอาทิตย์ก่อนโอ ขอให้แม่ช่วยเย็บถุงผ้าให้เขา
“โอ ทำอะไร” แม่ถามเมื่อเดินมาตามโอไปกินข้าว
“ผมจะทำเป็นที่เผาขยะ” โอ บอกแม่
แม่ไม่ได้สนใจถามต่อ
โอ วางร่างหญิงสาวลงบนพื้นสกปรกข้างบ่อ ร่างนั้นพิงบ่อเท้าเหยียดยาว ดั้งเดิมปากบ่อถูกปิดด้วยแผ่นไม้ที่พ่อทำขึ้นเอง มันผุกร่อนไปตามเวลา ไม่นานมานี้ โอ ไหว้วานลุงกับอาแถวบ้าน มาช่วยหล่อแผ่นปูนปิดปากบ่อ แต่เปิดช่องตรงกลางไว้ประมาณคนตัวเล็กลอดลงไปได้
“ไม่ปิดให้หมดหรือ เปิดทิ้งไว้ทำไม”
“เผื่อไว้นะลุง เผื่อเผาขยะแล้วมันเกิดปัญหา ยังพอดูได้ หรือฉีดน้ำลงไปได้” โอตอบ
ลุงพยักหน้า
บ่ายไว้นั้น เมื่อเสร็จงาน โอ ไหว้ขอบคุณ ลุง กับ อา ข้างบ้าน
แม้ โอ จะไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนบ้าน แต่ด้วยเห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย โอเป็นเด็กมีสัมมาคารวะ ยกมือไหว้ทุกครั้งเมื่อเจอลุงป้าน้าอา ส่วนนุชก็ไปมาหาสู่ มีอาหารแบ่งปันกันเป็นครั้งคราว การแลกเปลี่ยนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในพื้นที่นี้ยังสร้างมิตรภาพที่ดีในชุมชน บางครั้งโอ ก็ช่วยตั้งคอมพิวเตอร์ หรือ สอนใช้มือถือให้ผู้สูงอายุหรือเด็ก เมื่อได้รับการขอ เขาไม่เคยปฏิเสธ ยินดีช่วยทุกครั้ง
โอ ชะโงกหน้ามองลงไปก้นบ่อ ทุกอย่างที่เขาทิ้งลงไปก้นบ่อยังอยู่ โอหันไปมองร่างที่สงบนิ่ง เขาขยับผ้าปิดปากตึงมัดปมด้านหลังให้แน่น เชือกที่มือโอทำให้เป็นเงื่อนตายตามที่ดูมาจากโซเซียลจนแน่น จับผ้าปิดตาดึงปมจนแน่ใจว่าแน่นและปิดสนิท โอ พึมพำข้างหูเธอขณะยกตัวเธอขึ้น
“คุณไม่ผิดทั้งหมด ผมจะทำให้คุณเจ็บและทรมานน้อยที่สุด”
โอ หยิบเข็มฉีดยาจากด้านในกระเป๋าเสื้อที่เขาใส่คลุมเสื้อยืด เขาฉีดมันเข้าเส้นที่แขนเธอ ร่างนั้นกระตุกสักพักแล้วสงบลง ลมหายใจรวยริน แผ่วลง
จากนั้นโอใช้ถุงที่เตรียมไว้ ครอบลงบนศีรษะ จนสุดท้ายร่างนั้นนิ่งสนิท เขาดึงถุงพลาสติกออก มือสัมผัสที่จมูก ไม่มีลมหายใจ เขาจับที่ชีพจรไม่มีการเต้นหลงเหลืออยู่
“ไปดีนะ อย่างน้อยเธอก็ไม่ทรมาน”
เขาแบกร่างเธอไปวางที่ปากบ่อ จับขาเธอห้อยลงช่องเล็กที่เปิดไว้ “ลาก่อน” เขาหย่อนร่างนั้นลงไปก้นบ่อที่มีสิ่งของที่เขาทิ้งลงไปก่อนหน้าเพื่อรองรับแรงกระแทกของร่าง โอไม่อยากให้เธอเจ็บปวดการปลดปล่อยเธอก่อนที่จะส่งเธอลงก้นบ่อ เขาคิดว่าเขาทำดีที่สุดเพื่อเธอ เขาหันมายกถุงต่างๆที่เขาเตรียมไว้จากไส้ที่นอนหลังเก่า ผ้าห่มและหมอนเก่าๆที่ยังเหลื่ออยู่ โยนลงไปทับร่างนั้น เขามองลงไปในบ่อ ในความมืดมันไม่เห็นอะไร มันมืดสนิท เขาล้วงไฟแซ็กจากกระเป๋ากางเกง เขากดไฟลุกขึ้น เขาส่องลงไปก้นบ่อ เห็นแค่บางส่วนของผมที่ลอดออกมาจากสิ่งของที่ทับล่าง เธอคงไม่เจ็บปวดมาก ลาก่อน เขาจุดตะเกียงด้วยไฟแซ็กปล่อยตะเกียงทีใช้น้ำมันจากมือให้ดิ่งลงไปด้านล่างจนกระทบกับบางสิ่ง เปลวไฟลุกโชติ เปลวไฟค่อยๆแรงขึ้นจนสูงเลยครึ่งความสูงบ่อ เขาจุดตะเกียงเล็กโยนลงไปอีกหลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เมื่อไฟกำลังใกล้มอด โอ อยากให้แน่ใจว่าทุกอย่างด้านล่างบ่อได้ถูกเผาทำลายจนสิ้นซาก เขาโยนล้อจักรยานยนต์เก่าที่เขาเก็บไว้ลงไป เลี้ยงเชื้อไฟให้ลุกไหม้ต่อ เหงื่อเต็มตัวขณะที่ไฟมอดเขาโยนถุงปูนที่บรรจุเศษกรวด และก้อนซีเมนต์ หลายสิบถุง ลงไปทับทุกอย่างด้านล่าง เป็นการฝังมันไว้อย่างถาวร หลังจากนี้ โอ จะลืมมันทั้งหมด ไม่ให้มันรบกวนจิตใจเขาอีกต่อไป
โอ ไม่รู้เลยว่า คืนนี้เขาใช่เวลานานแค่ไหนสำหรับภารกิจนี้ เขาอาจจะตื่นเต้นจนลืมเวลา ถุงสุดท้ายโยนลงไป เชาจึงรู้สึกว่าเหนื่อยเหลือเกิน คอแห้ง ริมฝีปากแห้งแตก เขาหันไปรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อย เขาเดินกลับเข้าบ้าน เขาเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำดื่มรวดเดียวหมดขวดดับกระหาย เหงื่อโทรมเขาเดินขึ้นไปชั้นสอง เข้าห้อง หลังปิดประตู เขารีบบอกพี่เอทันที
“ภารกิจ สำเร็จ”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ ไม่เสียดายที่รอคอยวันนี้กันมาหลายปี” พี่เอตอบ แล้วยกนิ้วโป้งให้เขา
“ผมไปอาบน้ำก่อนนะ เหนื่อยและง่วงเหลือเกิน”
ถ้าบังเอิญมีใครเดินเข้ามาในห้องนอนโอ คงแปลกใจ ว่าโอพูดกับใคร หรือคุยโทรศัพท์ เพราะทั้งห้องมีแต่โออยู่คนเดียว
โอ ตื่นเกือบเที่ยง เขาล้างหน้าแปรงฟัน เพื่อลงมากินช้าว แม่นั่งอยู่โต๊ะอาหาร ในมือปอกผลไม้ อาหารเช้าวางอยู่
โอตักข้าวนั่งลงตรงข้ามแม่ ลอบมองบนข้อมือแม่ โอเห็นแผลตกสะเก็ดร่องรอยมากมายแต่เขาไม่เห็นแผนสดใหม่ แม่จะมีรอยแผลจากการกรีดข้อมือตัวเองเป็นระยะ แม่ไม่เคยพูดหรือร้องไห้ตั้งแต่พ่อเดินออกไป แม่หันมาทำร้ายตัวเอง ตอนที่เห็นครั้งแรกโอตกใจ ที่สุดเขารู้ว่าแม่ไม่ทำร้ายตัวเองจนตาย แม่แค่ต้องการความเจ็บปวดเป็นครั้งคราวเพื่อเข้ามากลบแผลที่มันฝังลึกอยู่ในใจ ที่ไม่เคยจางหายไป แม่โทษตัวเองว่าไม่มีคุณค่าพอสำหรับพ่อ ทำให้เขาต้องทำเรื่องทรยศที่โหดร้าย หญิงที่มีทุกอย่างแย่งสามีเธอ เพราะเธอไม่ดีพอ ลูกเธอขาดความรักอย่างที่ควรจะเป็นจากพ่อ เธอกับลูกต้องอยู่กันตามลำพัง ก็เพราะเธอไม่ดีพอ นุชไม่เคยคิดว่าเป็นบุญคุณที่อดีตสามีส่งเสียเธอกับลุก เพราะมันคือหน้าที่ แต่แผลที่เขาทำกับเธอ ชีวิตเธอที่พังยับเยิน มันเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของผู้ชายที่เธอเลือกผิด
โอ เองไม่เคยถามแม่ที่แม่ทำร้ายตัวเอง เขาแสร้งไม่รู้ นุชเอง เธอแกล้งไม่รู้เรื่องโลกที่มีอยู่ของพี่เอ ที่โอสร้างขึ้นมา ในส่วนลึกต่างรู้ว่าไม่มีความลับที่อีกฝ่ายไม่รู้ ทั้งคู่เลือกที่จะไม่กล่าวถึงมัน
โอ ดำเนินชีวิตตามปกติ หลังจากคืนนั้นผ่านมาเกือบสัปดาห์ แม่นั่งดูข่าวขณะที่เขานั่งกินมื้อเย็นอยู่บนโต๊ะ
มีข่าวลูกสาวนักธุรกิจเพิ่งกลับจากอเมริกาหายตัวไปหลังจากไปเที่ยวคลับหรูกับเพื่อนชาย เธอหายไป 6 วัน ทางแม่เธอประกาศตามหาพร้อมเงินค่อนข้างสูงถ้าใครมีเบาะแส ข่าวหลายช่องขุดคุ้ยหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างรายงานว่า
เพื่อนชายตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่เขาปฏิเสธ เขาอ้างว่ามีปากเสียกับเธอหลังจากดื่มไปสักพักที่คลับ เขาจำเวลาไม่ได้ว่า ตอนเธอบอกเขาว่าจะกลับเป็นช่วงกี่โมง แต่เขาอิดออดยังไม่อยากกลับ เธอโกรธจึงผลุนผลันออกไป ส่วนเขาคิดว่าเดี๋ยวเธอคงกลับเข้ามา เพราะเธอไม่ได้ขับรถไปคืนนั้น แหล่งนั้นหารถรับจ้างยาก เพราะคลับไม่อนุญาติให้รถรับจ้างจอดรอผู้โดยสารประการหนึ่ง รวมทั้งเป็นคลับชั้นสูง ลูกค้าร้อยทั้งร้อยนำรถมาเอง เขาให้ปากคำต่อหลังจากผ่านไปพักใหญ่เธอยังไม่กลับมา เขาเห็นว่านานมากแล้ว เขาจึงตามไปดูที่ทางออกและถามพนักงานว่าเห็นเธอไหม พนักงานจำได้ว่าเห็นเธอเดินออกไปตามถนนใหญ่ พนักงานจำได้เพราะปกติไม่ค่อยมีลูกค้าแต่งตัวดีจะเดินไปตามถนนใหญ่เพียงลำพังในยามดึก
คืนนั้นเธอลืมหยิบมือถือมา เธอบอกเขาตั้งแต่ขึ้นรถ เขาจึงรีบขับรถตามหา ไม่เห็นวี่แววเลยคิดว่าเธอคงเรียกรถกลับบ้านไปแล้ว ตำรวจตรวจกล้องวงจรปิด มันเป็นกล้องของที่คลับ เห็นเธอเดินเลี้ยวออกทางออกคลับ เห็นเธอยืนเซเล็กน้อย ยืนอยู่กับที่มองดูรถที่ผ่านมา เหมือนมองหารถ สักครู่เธอเลี้ยวเดินไปตามถนน นั่นคือภาพสุดท้ายที่เห็นเธอ ด้วยถนนเส้นนั้นเลียบริมทางด่วน ไม่มีกล้องวงจรปิดจนถึงสี่แยกใหญ่ แต่เมื่อตรวจสอบกล้องที่สี่แยก ไม่มีภาพเธอเดินมาถึงสี่แยก เหมือนเธอหายไประหว่างคลับถึงสี่แยก รถน่าสงสัยที่ขับมาสี่แยก ช่วงเวลานั้นมีน้อยมากตำรวจเรียกมาสอบไม่พบผู้ใดมีพิรุธ
รายงานข่าวขึ้นรูปเธอ ที่เป็นลูกคุณทิพย์นรี นักธุรกิจหญิง เป็นลูกสาวคนเดียวที่เกิดกับสามีคนแรกที่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเกือบ 10 ปีที่แล้ว เธอชื่อ พัชนันท์ เพื่อนๆเรียกเธอว่า แพท เพิ่งกลับมาไม่นานหลังจบการศึกษาจากสหรัฐฯ คุณทิพย์นรี แต่งงานใหม่ มาหลายปี แต่ยืนยันว่าสามีใหม่เข้ากับลูกเลี้ยงได้เป็นอย่างดี เขารักและดูแลแพทเหมือนลูกตัวเอง คืนเกิดเหตุเธอก็อยู่กับสามีที่บ้าน
โอ คิดในใจ เขาตัดสินถูกแล้ว ที่กลับรถใต้ทางด่วนในคืนนั้น ไม่มุ่งหน้าตรงไปที่สี่แยก เขากำลังคิดเพลินๆ ต้องสะดุ้ง เมื่อแม่ ละสายตาจากหน้าจอหันมาทางเขา แล้ว เอ่ยขึ้นมา
“ขอบใจนะโอ ต่อไปแม่คงไม่ต้องทำร้ายตัวเองอีก” เธอยิ้มกับโอ ตาส่องประกายอย่างที่โอไม่ได้เห็นมานานมาก
“หรือว่า แม่จะเห็น” แม่ใส่บาตรในเช้านั้น
“ไม่เป็นไรครับแม่”
“ผมดีใจ ที่ได้ทำให้แม่ครับ”
“วันนี้แม่เพลีย ขอตัวขึ้นไปงีบสักเดี๋ยวนะโอ”
“ครับแม่”
นุชเดินขึ้นบันไดบ้าน เธอเดินเข้าห้องนอน ปิดประตูกดล็อคลูกบิดประตูจากด้านใน
เธอหันไปมองเตียงฟูกหลังใหม่ที่โอเพิ่งซื้อ ภายใต้ผ้าปูเตียงสีขาว นุชย้อนคิดถึงฟูกหลังเดิมที่เธอต้องนอนอยู่กับมันด้วยความเจ็บปวดเป็นเวลายาวนาน มันควรค่าที่จะเป็นที่นอนสุดท้ายสำหรับหญิงสาวที่มีส่วนร่วมในความเจ็บปวดของเธอและลูกๆ ขอให้เธอหลับให้สบาย
เธอเดินไปยืนหน้ากระจก รอยยิ้ม แสนอบอุ่นที่เธอกำลังยิ้มสะท้อนออกมาจากกระจก
“ขอบใจนะเอ แต่เอต้องสัญญาอยู่ดูแล โอ ต่อไปนะลูก”
“ได้ครับแม่ แม่ไม่ต้องห่วง เอสัญญา”
ทั้งสองยิ้มให้กันด้วยความรักและอบอุ่น …ด้วยสายตาที่เยือกเย็น
โอ ยังนั่งอยู่ที่เดิม เขาคิดถึงพี่เอ แม่เล่าให้เขาฟังว่าก่อนแม่แต่งงานกับพ่อ แม่ตั้งท้องกับพ่อ แต่ด้วยความไม่พร้อม แม่กับพ่อจำใจต้องทำแท้ง แม่เสียใจมาก ถ้าแม่ไม่ทำบาปตอนนั้น โอคงมีพี่ชายเป็นเพื่อน
“แม่ไม่รู้หรอก ผมมีพี่ชายอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา” เขาคิดในใจ
โอ ยิ้มด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข เมื่อคิดถึงพี่เอ วันนี้เขามีเรื่องเล่าให้พี่เอฟังมากมาย
“ไปคุยกับพี่เอ ดีกว่า” ….