Thursday, July 17, 2025
  • Login
  • Register
spikewrite.com
  • Article
  • Review
  • Podcast
  • Fiction
  • Our Authors
No Result
View All Result
spikewrite.com
  • Article
  • Review
  • Podcast
  • Fiction
  • Our Authors
  • Login
  • Register
No Result
View All Result
spikewrite.com
No Result
View All Result

‘เสือสมิงกับราโชมอน’ อัตถิภาวนิยมใน Bungo Stray Dogs

อ่าน Bungo Stray Dogs หรือ คณะประพันธกรจรจัด ผ่านเลนส์ทฤษฎีอัตถิภาวนิยมของซาร์ตร์กับกามูส์

Jarurumpha ButhsribyJarurumpha Buthsri
in Literature, Review
Reading Time: 3 mins read
38
Home Literature
40
SHARES
194
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

1. Bungo Stray Dogs ‘วรรณกรรม’ กับ ‘สุนัขจรจัด’?

Bungo Stray Dogs หรือ คณะประพันธกรจรจัด แปลและจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์รักพิมพ์

มากกว่าการหยิบยืมชื่อกับผลงานของนักเขียนผู้ทรงคุณค่าแห่งวงการวรรณกรรมมาปรับใช้ในการสร้างตัวละครพร้อมผนวกเข้ากับเนื้อหาแนวแอกชันแฟนตาซีตามสไตล์การ์ตูนเซเน็ง Bungo Stray Dogs (文豪ストレイドッグス) หรือชื่อภาษาไทย คณะประพันธกรจรจัด  (แปลและจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์รักพิมพ์) ผลงานเรื่องนี้ยังได้สอดแทรกประเด็นสำคัญทางจิตใจว่าด้วยภาวะวิกฤตการณ์ดำรงอยู่ของมนุษย์ (existential crisis) ไว้ได้อย่างเฉียบคม เนื่องจากในโอกาสที่ตอนล่าสุดในฉบับมังงะของการ์ตูนเรื่องนี้ทำให้ผู้เขียนร้องไห้จนรู้สึกว่าตัวเองเป็นเต่าบนเตาย่างก็มิปาน ผู้เขียนจึงอยากชักชวนผู้อ่านมามองและพิเคราะห์เหตุการณ์กับความสัมพันธ์ของตัวละครในเนื้อเรื่องผ่านเลนส์ทฤษฎีปรัชญาอัตถิภาวนิยม (existentialism) เพื่อชี้ให้เห็นถึงความตื้นลึกหนาบางของการ์ตูนเรื่องนี้ที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้ฉากหน้าของความเป็นการ์ตูนแนวต่อสู้ดาษดื่นทั่วไป

Bungo Stray Dogs หรือชื่อเรียกย่อ บุงโก เป็นผลงานที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันระหว่างผู้เขียนเนื้อเรื่อง คาฟก้า อาซากิริ และนักวาดการ์ตูน ซังโกะ ฮารุคาวะ เหตุการณ์ในเรื่องดำเนินอยู่ในโลกที่มีคนจำนวนหนึ่งถือครองพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ หนึ่งในนั้นคือ นาคาจิมะ อัตสึชิ เจ้าของพลังพิเศษอสูรร้ายใต้แสงจันทร์ (มาจากเรื่องสั้น “The Moon Over the Mountain” ของนาคาจิมะ อัตสึชิ) เด็กหนุ่มขี้กลัวผู้ถูกวัยเด็กอันขมขื่นของตัวเองพันธนาการเอาไว้ 

ดาไซ โอซามุ (ขวา) ชักชวน นาคาจิมะ อัตสึชิ (ซ้าย) เข้าร่วมสำนักงานนักสืบติดอาวุธ

ระหว่างทางที่เดินร่อนเร่ไปตามท้องถนนเพราะโดนไล่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า อัตสึชิได้พบเข้ากับชายหนุ่มน่าสงสัยนาม ดาไซ โอซามุ เจ้าของพลังพิเศษสูญสิ้นมนุษย์สมบัติ (มาจากนวนิยาย สูญสิ้นความเป็นคน ของดาไซ โอซามุ) ผู้อ้างตัวว่าเป็นคนของสำนักงานนักสืบติดอาวุธ การพบกันอันแสนพิลึกพิลั่นของทั้งคู่ทำให้อัตสึชิรู้ความจริงที่ว่าตนสามารถแปลงกายเป็นอสูรร้ายพยัคฆ์ขาวทรงอิทธิฤทธิ์ได้ ดาไซชักชวนอัตสึชิให้เข้ามาทำงานในสำนักงานนักสืบติดอาวุธซึ่งเป็นองค์กรปฏิปักษ์กับพอร์ตมาเฟีย อัตสึชิจำต้องเผชิญหน้ากับคู่ปรับตลอดกาลของเขา อะคุตะงาวะ ริวโนะสุเกะ ผู้ได้รับสมญาณามว่าเป็นหมาบ้าแห่งพอร์ตมาเฟียเพราะพลังพิเศษราโชมอนที่สามารถแปลงคุณสมบัติของผ้าคลุมให้กลายเป็นอาวุธอันน่าหวั่นเกรงได้ (มาจากเรื่องสั้น “ราโชมอน” ของอาคุตางาวะ ริวโนะสุเกะ) และต่อจากจุดนี้ เรื่องราวการดิ้นรนของบรรดาสุนัขจรจัดทั้งหลายเพื่อตามหาคุณค่าของการมีชีวิตในท่าเรือโยโกฮาม่าก็เริ่มต้นขึ้น

2. ว่าด้วยอัตถิภาวนิยมใน Bungo Stray Dogs 

แน่นอนว่าพล็อตเรื่องหลักของบุงโกก็ยังคงหนีไม่พ้นการเผชิญหน้าระหว่างสององค์กรขั้วตรงข้ามเพื่อเป้าหมายทางอุดมการ์ณที่แตกต่างกัน โดยมีความสัมพันธ์แบบคู่แค้นคู่อาฆาตเคล้าคาวเลือดคลุ้งกลิ่นเหงื่อของอัตสึชิกับอะคุตะงาวะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ทว่าคุณลักษณะอันส่งผลให้บุงโกมีความลุ่มลึกมากเกินกว่าจะเป็นการ์ตูนต่อสู้แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นทั่วไปอยู่ที่พาร์ตการสำรวจจิตใจของตัวละครทั้งสองตัว ซึ่งอาซากิริกับฮารุคาวะก็เล่าพาร์ตดังกล่าวออกมาได้อย่างละเอียดลออ แต่บางครั้งก็สัตย์ซื่อเถรตรงจนแทบไม่ไว้หน้ากันเลยทีเดียว ยิ่งเนื้อเรื่องดำเนินก้าวหน้าไปมากขึ้น เราในฐานะผู้อ่านเองจะยิ่งสัมผัสได้ว่าเส้นแบ่งของศีลธรรมในเรื่องนี้มันเบลอมากเพียงใด และความขาว ๆ ดำ ๆ ทั้งหลายที่พอจะแยกแยะได้จากการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายของตัวละคร แท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่ปลายยอดบนสุดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นเอง

ฌ็อง-ปอล ซาร์ตร์ (Jean-Paul Sartre) นักปรัชญาสำนักอัตถิภาวนิยมชาวฝรั่งเศส

ก่อนที่จะเข้าสู่ประเด็นแรก เราต้องมาทำความเข้าใจแก่นและสาระสำคัญของอัตถิภาวนิยมกันก่อน ในทัศนะของ ฌ็อง-ปอล ซาร์ตร์ (Jean-Paul Sartre) นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสผู้เป็นหนึ่งในหัวหอกคนสำคัญของปรัชญาสำนักอัตถิภาวนิยม ซาร์ตร์นำเสนอว่าภาวะการดำรงอยู่ของมนุษย์มาก่อนสารัตถะ (existence precedes essence) กล่าวคือ ความหมายและคุณค่าของชีวิตเราไม่ได้ถูกกำหนดออกแบบมาล่วงหน้า แต่เป็นหน้าที่ของเราเองต่างหากที่ต้องค้นหาสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง ฉะนั้นแล้ว มนุษย์จึงเกิดมาพร้อมกับเจตจำนงเสรี (free will) และอิสรภาพในการเลือกกำหนดทางเดินชีวิตของตัวเอง ทว่าเสรีภาพนี้กลับมิใช่พรวิเศษล้ำค่าแต่อย่างใด แต่เป็นคำสาปต่างหาก ดังคำกล่าวของซาร์ตร์ที่ว่า “มนุษย์ถูกสาปให้เป็นอิสระ” (“Man is condemned to be free”) ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เราต้องรับผิดชอบผลลัพธ์จากการกระทำของเราเอง โดยที่เราไม่สามารถจะไปกล่าวโทษสังคม สภาพแวดล้อม หรืออิทธิพลอำนาจภายนอกใด ๆ ได้ นอกจากนั้น อัตถิภาวนิยมของซาร์ตร์ยังเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งอธิบายได้ว่า มนุษย์เราต้องพึ่งพาสายตากับการมองเห็นของผู้อื่นร่วมด้วยในภารกิจค้นหาความเป็นปัจเจกบุคคล (subjectivity) ของเรานั่นเอง

ที่ต้องกล่าวถึงอัตถิภาวนิยมของซาร์ตร์เป็นเพราะแก่นเรื่องที่แท้จริงของบุงโกนั้นไม่ได้หลีกหนีหายไปอื่นไกลจากชื่อเรื่องเลย ตัวละครเกือบทุกตัวในบุงโกเป็นสุนัขจรจัดจรลีเร่ร่อนตามท่าเรือโยโกฮาม่าเพื่อค้นหาเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของตัวเอง สังเกตได้ชัดเจนที่สุดจากตัวเอกของเรื่อง อัตสึชิเป็นผู้ประสบภาวะวิกฤตการณ์ดำรงอยู่อย่างรุนแรง เพราะโดนทารุณกรรมทั้งทางกายและจิตใจโดยผู้บริหารสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านับครั้งมิถ้วนเนื่องจากไม่สามารถควบคุมพลังพิเศษของตัวเองได้ บาดแผลฉกรรจ์จากวัยเด็กที่รักษาไม่หายนี้จึงส่งผลให้อัตสึชิใฝ่หาการยอมรับจากผู้อื่น เจ้าตัวเสียสละได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น คิดเอาเองว่าหากทำเยี่ยงนี้แล้ว ตนจะได้รับบัตรอนุญาตจากสังคมให้มีชีวิตอยู่ต่อ

สนับสนุนสปอนเซอร์ Spike Write สนับสนุนสปอนเซอร์ Spike Write สนับสนุนสปอนเซอร์ Spike Write
ADVERTISEMENT

สารัตถะของอัตสึชิถูกกำหนดโดยผู้บริหารสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า อัตสึชิไม่เห็นคุณค่าในชีวิตของตัวเองเพราะโดนผู้บริหารสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าข่มเหงทำร้าย ปรามาสว่าอัตสึชิไร้ค่า ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ ทว่าหลังจากที่ผู้บริหารสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ สภาพจิตใจของอัตสึชิปั่นป่วนเนื่องจากไม่รู้ว่าควรจะจัดการความรู้สึกของตัวเองเช่นไร ดาไซในฐานะอาจารย์คนปัจจุบันบอกอัตสึชิเพียงว่า “คนส่วนใหญ่ถ้าพ่อตัวเองตายก็มักจะร้องไห้กันนะ”

“คนส่วนใหญ่ถ้าพ่อตัวเองตายก็มักจะร้องไห้กันนะ”

ผู้เขียนเชื่อว่าคำพูดของดาไซคงจะเป็นที่โจษจันในบรรดาหมู่นักอ่าน (รวมถึงตัวผู้เขียนด้วย) ดาไซบอกให้อัตสึชิยอมรับว่าตัวเองเสียใจต่อการตายของคนที่เคยทำร้ายเจ้าตัวอย่างสาหัสในวัยเด็ก ดูจะเป็นฉากที่ตลกร้ายเหลือแสน แต่เมื่อลองมองในอีกแง่มุมนึงแล้ว ผู้เขียนคิดว่าคำพูดของดาไซสมเหตุสมผลและปลอบประโลมใจอยู่มิใช่น้อย 

คำพูดของดาไซเป็นเหมือนเครื่องย้ำเตือนต่ออัตสึชิว่าสารัตถะที่ผู้บริหารสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทิ้งไว้ให้เจ้าตัวนั้นมิสำคัญอะไรเลยเมื่อเทียบกับทางเดินชีวิตที่อัตสึชิเลือกเองในปัจจุบัน อดีตอันขมขื่นไม่ได้เป็นตัวกำหนดให้อัตสึชิต้องเติบโตมาเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือแบบผู้บริหารสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตรงกันข้าม อัตสึชิเรียนรู้ว่า “นรก” ที่ตัวเองเคยเผชิญมาเป็นเช่นไรและเขาต้องกระทำตนเยี่ยงไรเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นประสบชะตากรรมเดียวกันกับเขา นั่นจึงอธิบายบุคลิกนิสัยคล้าย “Martyr” ของอัตสึชิได้เป็นอย่างดี แม้จะเติบโตมาท่ามกลางความรุนแรง อัตสึชิก็มีอิสรภาพส่วนตัวตามทัศนะของซาร์ตร์ที่จะไม่เลือกเดินตามรอยเท้าของผู้บริหารสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ข้อนี้ถือว่าเป็นจุดที่ผู้เขียนชื่นชอบในบุงโกมากเลยทีเดียว ตัวมังงะนำเสนอว่า แทนที่จะให้ภูมิหลังหรือ “ปม” เป็นสิ่งกำหนดการกระทำและแนวคิดของเรา เราควรเลือกยอมรับบาดแผลในอดีตและเรียนรู้ที่จะอาศัยอยู่กับมันมากกว่า ด้วยเหตุเช่นนี้ อัตสึชิจึงสามารถปล่อยวางความเกลียดชังและร้องไห้ให้กับการตายของ “ผู้เป็นพ่อ” อย่างสุดใจได้

อะคุตะงาวะ ริวโนะสุเกะ (บนกับล่าง) เจอ นาคาจิมะ อัตสึชิ (กลาง) ครั้งแรก

อะคุตะงาวะเองก็เช่นเดียวกัน เพราะเกิดและเติบโตในย่านสลัม ความรุนแรงและการสูญเสียจึงไม่ใช่สิ่งผิดแปลกสำหรับอะคุตะงาวะ เจ้าตัวถึงกับบรรยายชีวิตในสลัมว่าเป็นชีวิตที่ “มีแต่โคลนตม กลิ่นเน่า ความรู้สึกสมเพชตัวเอง” และ “ถูกจ้องมองแต่กลับไม่มีใครรู้ว่ามีตัวตน” กระนั้น จุดพลิกผันในชีวิตก็เกิดขึ้นเมื่ออะคุตะงาวะพานพบกับดาไซวัย 15 ปี ครั้นเจ้าตัวยังทำงานเป็นหนึ่งในผู้บริหารของพอร์ตมาเฟีย (ในไทม์ไลน์ปัจจุบันของเนื้อเรื่องหลัก ดาไซอายุ 22 ปีและสังกัดสำนักงานนักสืบติดอาวุธ) ดาไซยื่นข้อเสนอให้อะคุตะงาวะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของพอร์ตมาเฟียภายใต้อาณัติของเขาเพื่อแลกกับการที่เขาจะมอบ  “เหตุผลในการมีชีวิต” ให้แก่อะคุตะงาวะ ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบตกลงโดยดุษณี แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นการทำงานในองค์กรอาชญากรรม อะคุตะงาวะต้องทนรับการฝึกสอนอันรุนแรงและถ้อยคำผรุสวาทจากดาไซมากมาย จนเขามีความคิดว่าชีวิตที่คลุกคลีกับความรุนแรงมาตั้งแต่กำเนิดคงไม่มีคุณค่าอื่นใดอีกแล้วนอกจากการยอมรับจากดาไซ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมอะคุตะงาวะจึงชิงชัง “ศิษย์รักคนปัจจุบัน” ของดาไซอย่างอัตสึชิมากถึงขนาดอยากจะฆ่าให้ตาย

The Myth of Sisyphus (Le mythe de Sisyphe) โดย อัลแบร์ กามูส์ (Albert Camus)

เราควรอ่านคาแรคเตอร์ของอะคุตะงาวะในทัศนะของซาร์ตร์อย่างไรดี ผู้เขียนคิดว่ากรณีของอะคุตะงาวะนั้นเข้าข่าย The Myth of Sisyphus (Le mythe de Sisyphe) ความเรียงเชิงปรัชญาของอัลแบร์ กามูส์ (Albert Camus) มากกว่า ตรงกันข้ามกับซาร์ตร์ สำนักอัตถิภาวนิยมของกามูส์นำเสนอว่าชีวิตของคนเรานั้น “ไร้สาระ” (“Absurd”) ไร้คุณค่า และไร้ความหมาย แต่นั่นแหละคือวิถีของชีวิต เราจำเป็นต้องจินตนาการว่าซิซีฟุสมีความสุขระหว่างเข็นหินขึ้นยอดเขา (“One must imagine Sisyphus happy”) ในการที่จะดำรงชีวิตอยู่บนโลกปัจจุบัน สภาพแวดล้อมที่อะคุตะงาวะเติบโตมารวมถึงการสั่งสอนของดาไซล้วนแล้วแต่ไม่เอื้ออำนวยให้เจ้าตัวมีทางเดินชีวิตเป็นอื่นนอกจาก “หมาบ้าแห่งพอร์ตมาเฟีย” แต่จุด ๆ นี้เป็นหลุมบ่อของเนื้อเรื่องจริงหรือ

อัลแบร์ กามูส์ (Albert Camus) นักปรัชญาสำนัก Absurdism ชาวฝรั่งเศส

อะคุตะงาวะกับอัตสึชิต่างก็ต้องการบัตรอนุญาตในการมีชีวิตจากผู้อื่นทั้งคู่ แต่อัตสึชิไม่ได้มีแนวคิดเช่นนี้เพราะเขายินยอม (แน่ล่ะ จะมีใครยินยอมพร้อมใจให้ตัวเองโดนทำร้ายทารุณบ้าง) ในทางกลับกัน ผู้เขียนมองว่าเพราะอะคุตะงาวะ “เกิดมาก็เหมือนตาย” ไปแล้วต่างหาก เขาจึงได้สมยอมรับเอาความรุนแรงและการยอมรับจากดาไซมาเติมเต็มชีวิตอันว่างเปล่ากลวงโบ๋ของเขา เพื่อให้มีแรงขับเคลื่อนใช้ชีวิตอยู่ต่อ ข้อนี้ยืนยันได้จากฉากที่อะคุตะงาวะสารภาพกับอัตสึชิว่าเจ้าตัวเป็นโรคร้ายเรื้อรังเกี่ยวข้องกับปอด ส่งผลให้เขามีเวลาใช้ชีวิตอยู่ต่ออีกไม่นาน ซึ่งสาเหตุของโรคก็มาจากสภาพอากาศเป็นพิษของย่านสลัมนั่นเอง เพราะชีวิตที่มีเวลาจำกัด จึงทำให้อะคุตะงาวะไม่สามารถจรลีแสวงหาการยอมรับจากผู้คนรอบข้างไปทั่วแบบอัตสึชิได้ เจ้าตัวยึดเอาดาไซเป็นหลักสำคัญ แม้นจะรู้อยู่แก่ใจว่าการกระทำของอดีตอาจารย์นั้นโหดร้ายและไม่สมควรค่าแก่การได้รับการอภัยเป็นอย่างยิ่ง อะคุตะงาวะจึงไม่ต่างอะไรกับซิซีฟุสที่พึงรู้ว่าชีวิตของพวกเขาทั้งคู่ไร้ความหมายมาตั้งแต่แรก (อะคุตะงาวะเป็นโรคปอดร้ายแรง ซิซีฟุสถูกลงทัณฑ์ให้เข็นก้อนหินขึ้นภูเขาตลอดไป) แต่ก็ต้องอดทนกล้ำกลืน เพราะขั้วตรงข้ามของชีวิตนั้นไม่ใช่ความตาย แต่คือการมีชีวิตอยู่โดยไร้จุดมุ่งหมายใด ๆ ต่างหาก

3. Bungo Stray Dogs ‘เสือ’ กับ ‘ราโชมอน’

กระนั้น ไม่ใช่ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่าเพราะทั้งสองมีบาดแผลทางจิตใจเหมือนกันจึงเป็นกระจกเงาส่องสะท้อนให้กันได้ แต่เป็นเพราะทั้งคู่ไม่เคยมองอีกฝ่ายในฐานะ “ผู้ถูกกระทำ” ร่วมด้วยต่างหาก ซึ่งในส่วนนี้ก็ตรงกับทัศนะของซาร์ตร์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง “ปัจเจก” (Subject) กับ “วัตถุ” (Object) ซาร์ตร์เสนอว่ามนุษย์เราทุกคนต่างต้องการถูกระลึกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอัตภาพ แต่ในกระบวนการที่จะได้รับมาซึ่งอัตภาพนี้นั้นกระทำได้ผ่านการมองเห็นจากผู้อื่นเท่านั้น อะคุตะงาวะมองว่าอัตสึชิโง่เขลาที่มัวแต่จมปลักกับอดีตจนระลึกมิได้ว่าตัวเองในปัจจุบันมีทุกสิ่งอย่างเพียบพร้อมมากเพียงใด ส่วนอัตสึชิเองก็คิดว่าอะคุตะงะวานั้นแข็งแกร่งมากพออยู่แล้วแม้จะไม่มีคำพูดยืนยันจากดาไซ สำหรับทั้งคู่แล้ว อีกฝ่ายไม่เคยเป็นแค่ “เด็กกำพร้า/เด็กในสลัม” หรือ “วัตถุเปราะบางของสังคม” แต่เป็นตัวตนที่ต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ นั่นเท่ากับว่าอัตสึชิกับอะคุตะงาวะต่างยอมรับในความเป็นปัจเจกบุคคลของกันและกันนั่นเอง 

อาจกล่าวได้ว่า ในโลกที่ชีวิตของคนเราไร้ความหมายและว่างเปล่าเพราะการมีอยู่ของพลังพิเศษ แม้นจะอยู่ภายใต้แผนการจัดฉากของดาไซ อัตสึชิกับอะคุตะงาวะเป็นสุนัขจรจัดสองคนหลงทางมาเจอกันเพื่อมอบคุณค่าในการมีชีวิตอยู่ให้กันและกัน ดังจะเห็นได้จาก “พันธสัญญา 6 เดือน” ที่อะคุตะงาวะเสนอว่าตนจะฆ่าอัตสึชิในอีก 6 เดือนข้างหน้า ข้อเสนอนี้ส่งผลให้อัตสึชิเลิกคิดเกี่ยวกับความน่าเวทนาอดสูของตัวเองในอดีตแล้วหันมามุ่งมั่นพัฒนาฝีมือให้ต่อกรกับอะคุตะงาวะได้ ส่วนทางด้านอะคุตะงาวะเองโดนอัตสึชิสั่งไม่ให้ฆ่าใครภายใน 6 เดือนนี้ก็จะได้เรียนรู้เช่นเดียวกันว่า ความรุนแรงที่เผชิญมาครั้นอาศัยอยู่ในย่านสลัมไม่ได้เป็นตัวกำหนดทางเดินชีวิตของเขาให้ต้องก้าวย่างไปบนทางอันรายล้อมไปด้วยซากศพเพียงอย่างเดียว 

สนับสนุนรายได้ของ Spike Write สนับสนุนรายได้ของ Spike Write สนับสนุนรายได้ของ Spike Write
ADVERTISEMENT
อะคุตะงาวะ ริวโนะสุเกะ (ซ้าย) กับ นาคาจิมะ อัตสึชิ (ขวา)

ท้ายที่สุดแล้ว แม้นบทสรุปของ “พันธสัญญา 6 เดือน” จะยังไม่เปิดเผย แต่ผู้เขียนคิดว่าหลักสำคัญที่บุงโกต้องการจะสื่อผ่านความสัมพันธ์ระหว่างอัตสึชิกับอะคุตะงาวะนั้นเรียบง่ายแต่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว นั่นคือ เพราะมนุษย์เราไม่สามารถมองเห็นเงาสะท้อนตัวตนของเราได้อย่างถ่องแท้ เราจึงจำเป็นต้องพึ่งสายตากับการมองเห็นของผู้อื่นร่วมด้วย อัตสึชิกับอะคุตะงาวะต่างฝ่ายต่างหลงทางในชีวิตจนมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่เหนือปลายเท้าของตัวเอง พวกเขาจึงจำเป็นต้องมีกันและกันเพื่อทดแทนในส่วนนี้ 

นอกจากเรื่องอัตถิภาวนิยมแล้ว บุงโกยังสอดแทรกประเด็นทางปรัชญา สังคม และการเมืองต่าง ๆ ไว้อีกมากมาย จนชวนให้สงสัยว่า นี่คือการ์ตูนต่อสู้พลังพิเศษจริง ๆ หรือเนี่ย ถึงกระนั้น พาร์ตแอกชันหรืองานภาพของการ์ตูนเรื่องนี้ก็มิได้น้อยหน้าไปกว่าเรื่องไหน ๆ เลย หากนักอ่านท่านใดที่กำลังมองหามังงะที่ครบเครื่องทั้งบู๊และบุ๋น ผู้เขียนก็ขอแนะนำ Bungo Stray Dogs หรือ คณะประพันธกรจรจัด มาไว้ ณ ที่นี้

4. บรรณานุกรม

  1. Sartre, Jean-Paul. “Existentialism Is a Humanism.” Marxists.org, World Publishing Company, 1946, www.marxists.org/reference/archive/sartre/works/exist/sartre.htm.
  2. Camus, Albert. “The Myth of Sisyphus.” The Philosophical Review, vol. 66, no. 1, Jan. 1957, https://doi.org/10.2307/2182859.
  3. Kafka Asagiri, et al. Bungo Stray Dogs. Volume 3. New York, Ny, Yen Press, 2017.
  4. Kafka Asagiri, et al. Bungo Stray Dogs. Volume 10. New York, Ny, Yen Press, 2019.
  5. Kafka Asagiri, et al. Bungo Stray Dogs. Volume 13. New York, Ny, Yen Press, 2019.
  6. Kafka Asagiri, et al. Bungo Stray Dogs. Volume 20. New York, Ny, Yen Press, 2021.

Related

Share17Tweet10Share
Jarurumpha Buthsri

Jarurumpha Buthsri

She/Her. Japanese Literature Enthusiast. Part-Time Writer. Full-Time Chronic Procrastinator. ชอบอ่านไบเบิล มีความฝันว่าอยากเขียนนิยายอุทิศให้ ฟลอเรียน แบรนด์ กับ นอร์ตัน แคมป์เบลล์ สักเรื่อง

RelatedPosts

Before It Starts to Rain ก่อนพิรุณพรำกับยักษาแห่งความเป็นอื่น
Literature

Before It Starts to Rain ก่อนพิรุณพรำกับยักษาแห่งความเป็นอื่น

July 15, 2025
43
หนังสือสายพันธุ์ประหลาด! ชวนอ่าน 5 หนังสือ Weird Fiction
Article

หนังสือสายพันธุ์ประหลาด! ชวนอ่าน 5 หนังสือ Weird Fiction

July 8, 2025
32
Steppenwolf เมื่อการค้นพบตัวเองคือ การดำดิ่งสู่ขุมนรกของจิตใต้สำนึก
Article

Steppenwolf เมื่อการค้นพบตัวเองคือ การดำดิ่งสู่ขุมนรกของจิตใต้สำนึก

July 1, 2025
32
‘ยิ่งใกล้ชิดยิ่งห่างไกล?’ เมื่อความรักถูกล็อกดาวน์ใน Rabuka
Article

‘ยิ่งใกล้ชิดยิ่งห่างไกล?’ เมื่อความรักถูกล็อกดาวน์ใน Rabuka

June 28, 2025
105
Next Post
Dean Bridge

Dean Village เอดินบะระ: คู่มือเที่ยวหมู่บ้านลับริมน้ำ (ฉบับสมบูรณ์ 2025)

ฟลอเรียน เวิร์ตซ์

บทสัมภาษณ์แรก: ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ กับก้าวแรกในบ้านหลังใหม่ที่แอนฟิลด์

Comments 1

  1. Pingback: ‘ยิ่งใกล้ชิดยิ่งห่างไกล?’ เมื่อความรักถูกล็อกดาวน์ใน Rabuka

Leave a Reply Cancel reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

ขาไก่หิมพานต์ แฮ่ แฮ่ ขาไก่หิมพานต์ แฮ่ แฮ่ ขาไก่หิมพานต์ แฮ่ แฮ่

Recent Posts

Before It Starts to Rain ก่อนพิรุณพรำกับยักษาแห่งความเป็นอื่น

Before It Starts to Rain ก่อนพิรุณพรำกับยักษาแห่งความเป็นอื่น

July 15, 2025
หนังสือสายพันธุ์ประหลาด! ชวนอ่าน 5 หนังสือ Weird Fiction

หนังสือสายพันธุ์ประหลาด! ชวนอ่าน 5 หนังสือ Weird Fiction

July 8, 2025
Knaresborough Viaduct

เที่ยว Knaresborough : เสน่ห์แห่งกาลเวลา ริมฝั่งแม่น้ำนิดด์

July 4, 2025
Steppenwolf เมื่อการค้นพบตัวเองคือ การดำดิ่งสู่ขุมนรกของจิตใต้สำนึก

Steppenwolf เมื่อการค้นพบตัวเองคือ การดำดิ่งสู่ขุมนรกของจิตใต้สำนึก

July 1, 2025
‘ยิ่งใกล้ชิดยิ่งห่างไกล?’ เมื่อความรักถูกล็อกดาวน์ใน Rabuka

‘ยิ่งใกล้ชิดยิ่งห่างไกล?’ เมื่อความรักถูกล็อกดาวน์ใน Rabuka

June 28, 2025
  • Gap.Bumseeker

    Let’s talk ! คุยกับ Gap.Bumseeker การเดินทางที่ไม่มีคำว่ากลัว

    7112 shares
    Share 2887 Tweet 1760
  • รีวิว EDIFIER W820NB Plus หูฟังไร้สาย ตัดเสียงรบกวน Active Noise Cancelling รองรับ LDAC

    189 shares
    Share 76 Tweet 47
  • รีวิว กระทะเหล็กเผา ตาตีมือ รุ่นโปร

    143 shares
    Share 78 Tweet 27
  • 16 ข้อสังเกตที่นักเขียนควรรู้เกี่ยวกับบทพูดในชีวิตจริง : วิธีเขียนบทสนทนา ที่สมจริง

    102 shares
    Share 49 Tweet 22
  • High Fantasy vs. Low Fantasy: แฟนตาซีไหนดีกับใครบ้าง

    76 shares
    Share 36 Tweet 17
Hamlet Hamlet Hamlet
ADVERTISEMENT

About Us

Spike Logo

Categories

  • Article
  • Download
  • Interview
  • Literature
  • Music
  • Novel
  • Podcast
  • Poem
  • Review
  • Short Story
  • Sound
  • Sport
  • Travel Trip
  • Uncategorized
  • writing

Tag

Before It Starts to Rain bungo stray dogs Cigarettes After Sex Dream Pop existentialism features post Inio Asano Internship literature liverpool manga Medusa Music Orca Rabuka Review shoegaze short stories Short Story Short Story Season short story winter Sound steppenwolf travel trigger warnings weird fiction William Shakespeare การอ่าน คณะประพันธกรจรจัด คำเตือน ตำนานกรีก-โรมัน ท่องเที่ยว นิวัต พุทธประสาท บทกวี บทความ ฝึกงาน มันฮวา วรรณกรรม วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา หิมะแดง เครื่องเสียง เมดูซ่า เม่นวรรณกรรม เรื่องสั้น โคนัน

Review

The Jug & Bottle โรงแรมในลิเวอร์พูล ที่อยู่นอกเมือง

The Jug & Bottle

การนอนนอกเมืองลิเวอร์พูลนั้นไม่ได้ลำบากอะไรเลย โดยเฉพาะถ้าได้นอนโรงแรม Jug & Bottle ที่มีราคาสมเหตุสมผล มีประวัติยาวนาน สะอาด สวยงาม และไม่ควรพลาดเดินเดี่ยวที่ Heswall
รีวิว Rega Planar 1 : เครื่องเล่นแผ่นเสียง งบประมาณต่ำที่ดีที่สุด…ในโลก…ตลอดกาล?

Rega Planar 1

Rega Planar 1 เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาประหยัดที่พัฒนามาจากรุ่น RP1 ด้วยการออกแบบใหม่ ใช้งานง่าย ปรับปรุงโทนอาร์ม RB110 และคุณสมบัติเด่นมากมาย เสียงของมันแม่นยำและมีพลัง ฿14000

© 2025 Spike Write - Premium News & Magazine blog by Spike Write.

Welcome Back!

Sign In with Facebook
Sign In with Google
OR

Login to your account below

Forgotten Password? Sign Up

Create New Account!

Sign Up with Facebook
Sign Up with Google
OR

Fill the forms below to register

All fields are required. Log In

Retrieve your password

Please enter your username or email address to reset your password.

Log In

Add New Playlist

  • Login
  • Sign Up
  • Cart
No Result
View All Result
  • Article
  • Review
  • Podcast
  • Fiction
  • Our Authors

© 2025 Spike Write - Premium News & Magazine blog by Spike Write.

This website uses cookies. By continuing to use this website you are giving consent to cookies being used. Visit our Privacy and Cookie Policy.
Are you sure want to unlock this post?
Unlock left : 0
Are you sure want to cancel subscription?
-
00:00
00:00

Queue

Update Required Flash plugin
-
00:00
00:00