Table of Contents
1. Haikyu!! The Dumpster Battle กองขยะที่น่าจดจำการต่อสู้ที่ไม่มีคำว่า “อีกครั้ง”
ไฮคิว!! คู่ตบฟ้าประทาน (Haikyu!!) การ์ตูนกีฬาวอลเลย์บอลระดับมัธยมปลายของประเทศญี่ปุ่น เขียนโดย อาจารย์ ฮารุอิจิ ฟุรุดาเตะ (อาจารย์ฟุรุ) เป็นเรื่องราวของ ฮินาตะ โชโย เด็กหนุ่มผู้มีความสนใจในกีฬาวอลเลย์บอล แม้จะมีความสูงเพียงแค่ 162 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าตัวเล็กมากๆ สำหรับการเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล แต่ถึงกระนั้นอุปสรรคเรื่องความสูงก็ไม่ทำให้เขาละทิ้งความฝันและพยายาม เพราะการกระโดดของเขานั้นราวกับติดปีกบิน
ฮินาตะเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายคาราสุโนะ จังหวัดมิยางิ และได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกชมรมวอลเลย์บอลชายประจำโรงเรียนร่วมกับ คาเงยามะ โทบิโอะ ตัวเซ็ตอัจฉริยะเจ้าของฉายา “ราชาแห่งสนาม” คู่ปรับที่ฮินาตะต้องการเอาชนะจากการแข่งขันสมัยมัธยมต้น แต่ภายหลังกลับกลายมาเป็นคู่หูคนสำคัญของฮินาตะ
การเข้าร่วมชมรมของฮินาตะและคาเงยามะในครั้งนี้ทำให้ทีมวอลเลย์บอลชายคาราสุโนะที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงกลับมามีหวังอีกครั้ง ความกระตือรือร้นของทั้งสองคนช่วยปลุกความหวังของผู้เล่นในทีมให้อยากบินขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้น จนฉายาที่คู่แข่งเคยขนานนามว่า “แชมป์ตกอันดับ” “อีกาปีกหัก” เป็นอันต้องพับเก็บไป เพราะโรงเรียนคาราสุโนะสามารถเอาชนะแชมป์ประจำจังหวัด จนสามารถก้าวเข้าไปแข่งขันในระดับประเทศได้ในที่สุด
“ฉันดีใจนะที่ได้มาที่นี่”
ฮินาตะ โชโย

2. Haikyu!! The Dumpster Battle: ไฮคิว!! ทำไมต้องเป็น “ศึกที่กองขยะ”
ไฮคิว!! คู่ตบฟ้าประทาน ตอน ศึกที่กองขยะ (Haikyu!! The Dumpster Battle) ภาพยนตร์อนิเมะภาคต่อจาก อนิเมะซีซันที่ 4 (รับชมได้ทาง Netflix) (เนื้อหาในมังงะเล่มที่ 32-37) เรื่องราวการแข่งขันระหว่างสองโรงเรียน คาราสุโนะ และ เนโกมะ หลังจากที่พวกเขาพยายามเอาชนะคู่ต่อสู้จนผ่านเข้าสู่รอบที่สามของการแข่งในระดับประเทศเพื่อเข้ารอบมาเจอกันด้วยความปรารถนาของทั้งสองฝ่าย เป็นแมตช์ที่ต้องใช้ทั้งดวงเพื่อสุ่มให้ได้มาแข่งในสายเดียวกันและความสามารถในการผ่านเข้ารอบมาเจอกันด้วย
แน่นอนว่าหากใครไม่ได้ติดตามไฮคิวมาตั้งแต่ต้นก็คงจะเกิดความสงสัยว่าทำไมต้องเป็น “ศึกที่กองขยะ” ?
ชื่อศึกนี้มาจากการที่เนโกมะนั้นมี แมว เป็นภาพตัวแทนของโรงเรียน ส่วนคาราสุโนะนั้นเป็น อีกา และที่ญี่ปุ่น จุดทิ้งขยะหรือกองขยะเปรียบเสมือนเป็นภัตตาคารหรูที่เต็มไปด้วยอาหารให้แมวและอีกาได้คุ้ยหา เมื่อสัตว์ทั้งสองมาเจอกันก็มักจะต่อสู้กันเพื่อแย่งอาณาเขตและอาหารมาเป็นของตนเอง
การที่เนโกมะ (แมว) และคาราสุโนะ (อีกา) ต้องมาสู้กัน ก็ทำให้พื้นที่ 9×18 เมตร ของสนามวอลเลย์บอลกลายเป็นกองขยะของพวกเขาไปเสียอย่างนั้น
“ถ้าจะแข่งศึกชี้ชะตาจุดทิ้งขยะ นี่คือโอกาสสุดท้ายของพวกเราแล้ว”
คุโรโอะ เท็ตสึโร่

เนโกมะจัดว่าเป็นโรงเรียนที่มีบทบาทสำคัญค่อนข้างมาก จากที่มีการเปิดตัวทีมตั้งแต่ซีซันแรก และพวกเขาก็โผล่มาให้เราได้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ในทุกซีซัน จนกระทั่งถึง “ศึกที่กองขยะ” ที่โรงเรียนเนโกมะลงสนามในฐานะตัวแสดงนำร่วมกับคาราสุโนะในการแข่งขันระดับประเทศ ซึ่งนำทีมโดย โคซุเมะ เคนมะ ตัวเซ็ตที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมันสมองของทีมและกัปตัน คุโรโอะ เท็ตสึโร่ เพื่อนสนิทของเคนมะที่ทำให้เคนมะได้รู้จักกับกีฬาวอลเลย์บอล
คาราสุโนะและเนโกมะ เป็นสองโรงเรียนที่มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนาน เพราะในอดีตที่ผ่านมา ทั้งสองโรงเรียนได้มีการแข่งนัดอุ่นเครื่องด้วยกันมาหลายครั้ง เรียกได้ว่าแทบจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด อีกทั้งโค้ชเนโกมาตะและโค้ชอุไค อิคเคย์ (ปู่ของโค้ชอุไค) ได้มีคำสัญญาต่อกันว่าจะพาทีมของตนเองไปเจอกันในการแข่งระดับประเทศให้ได้ แต่สุดท้ายทั้งสองทีมก็ยังไม่เคยได้สู้กันในการแข่งขันอย่างเป็นทางการ กระทั่งโค้ชทั้งสองเกษียณอายุ
ทั้งสองทีมจึงห่างหายจากกันไปนานกว่า 5 ปี จนในที่สุดพวกเขาก็ได้วนกลับมาเจอกันในนัดอุ่นเครื่อง เมื่อโค้ชเนโกมาตะกลับมาช่วยคุมทีมเนโกมะ และโค้ชอุไค เคย์ชิน (หลานของโค้ชอุไคคนก่อน) มาเป็นโค้ชให้คาราสุโนะ ทั้งสองโรงเรียนจึงมีโอกาสได้กลับมาสานสัมพันธ์กันใหม่อีกครั้ง นั่นทำให้สมาชิกปัจจุบันของคาราสุโนะและเนโกมะได้ทำความรู้จักกัน หลังจากนัดอุ่นเครื่องทั้งสองโรงเรียนได้เข้าร่วมค่ายฝึกซ้อมและจับคู่ซ้อมแข่งด้วยกันหลายต่อหลายครั้งจนสมาชิกทั้งสองทีมเริ่มสนิทกัน
แรงปรารถนาที่เคยมีอยู่ในอดีต ถูกส่งต่อมายังสมาชิกชมรมรุ่นปัจจุบัน “ศึกที่กองขยะ” จึงกลายมาเป็นเป้าหมายในการแข่งขันของพวกเขา ฮินาตะและเคนมะเองก็ได้แสดงเจตจำนงว่าอยากจะลงแข่งกับเพื่อนของเขาในสนามจริง การแข่งขันอย่างเป็นทางการที่ถ้าหากจบเกมก็ไม่สามารถขอเล่นด้วยกันอีกครั้งได้เหมือนตอนแข่งอุ่นเครื่อง
ศึกชี้ชะตาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นความปรารถนาของฮินาตะ เคนมะ และสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นความต้องการของโค้ชของทั้งสองทีมอีกด้วย การแข่งขันที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จึงเรียกได้ว่าสามารถเติมเต็มความฝันของใครหลายๆ คนให้เป็นจริง ทำให้ทุกคนต่างเฝ้ารอกันอย่างใจจดใจจ่อ รวมถึงชาวไฮเคี่ยน (แฟนๆ ไฮคิว) เองก็ตั้งตารอชมศึกในครั้งนี้เช่นกัน
“ฉันพึ่งมารู้สึกตัว เพราะโชโยน่าสนใจ ฉันเลยอยากแข่งกับโชโยแบบที่ไม่ใช่การซ้อม
อยากแข่งแบบที่แพ้ครั้งเดียว ก็เกมโอเวอร์ทันที”
โคซุเมะ เคนมะ
3. Haikyu!! The Dumpster Battle การแข่งขันที่ไม่ได้มีแค่ผลแพ้ชนะ [spoil]
เมื่อวันพฤหัสที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้ไปดู ไฮคิว!! ศึกที่กองขยะ (Haikyu!! The Dumpster Battle) เป็นประสบการณ์การดูหนังที่ต่างไปจากหนังเรื่องอื่นๆ ที่เคยดูมาทั้งชีวิต เพราะตั้งแต่นาทีแรกที่หนังเริ่ม เราก็น้ำตารื้นขึ้นมาอยู่ที่ขอบตาแล้ว ในใจมันเต็มไปด้วยความตื้นตัน ซาบซึ้ง ตื่นเต้น และคิดถึง เพราะเหล่าตัวละครที่เราไม่ได้เห็นการเติบโตมานาน ตอนนี้พวกเขากำลังโลดแล่นให้เราได้เห็นอยู่บนจอขนาดใหญ่
ต้องบอกก่อนว่าเราติดตามอนิเมะไฮคิวมาเป็นเวลาเกือบๆ 4 ปี แล้ว อาจเป็นเวลาไม่นานมาก แต่ก็เป็นเวลานานสำหรับการรอชมศึกในครั้งนี้ การดูไฮคิวตั้งแต่ซีซัน 1 ถึง ซีซัน 4 ทำให้ได้เห็นการเติบโตของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันเราก็เติบโตไปพร้อมๆ กับพวกเขาด้วย หลังจากซีซัน 4 จบ ชาวไฮเคี่ยนอย่างเราก็ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอชมแมตช์สำคัญอย่างศึกที่กองขยะ ซึ่งเป็นศึกชี้ชะตาของคู่ปรับตลอดกาลอย่างคาราสุโนะและเนโกมะ
เมื่อได้ยินประกาศจาก official ว่าจะมีการทำหนังเรื่องนี้ก็ยิ่งตื่นเต้นและตั้งตารอเข้าไปใหญ่ แม้จะเสียดายที่หนังมีความยาวน้อยกว่าการทำเป็นอนิเมะซีรีส์ แต่เมื่อเข้าไปเห็นภาพในโรงแล้วก็ไม่รู้สึกผิดหวังกับหนังเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ถึงกับต้องเอ่ยปากชมว่ามันเป็นหนังที่ “สมกับการรอคอย” จริงๆ
ความรู้สึกหลังก้าวออกจากโรงในครั้งแรก เรายอมรับเลยว่ามันไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้จริงๆ ทุกวินาทีที่หนังดำเนินไปมันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจ รู้สึกได้เลยว่าเราผูกพันกับตัวละครทุกตัว เพราะได้เห็นการเติบโตทั้งทางความคิดและความสามารถในการเล่นวอลเลย์บอลที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้นทีละขั้นจนมาถึงการแข่งขันนัดนี้
เรารู้สึกเหมือนเป็นแม่นกที่เฝ้าดูลูกหัดบิน จนตอนนี้พวกเขาสามารถกางปีกโผบินได้สูงและไกลเกินกว่าที่คาดไว้ ความภูมิใจและตื้นตันใจที่ได้เห็นตัวละครเติบโตขึ้นในทุกการแข่งขันนั้นเป็นของจริง อาจารย์ฟุรุสามารถปั้นตัวละครออกมาได้ดีจนเราแทบจะเชื่อว่าพวกเขามีชีวิตวิ่งเล่นอยู่ในสนามจริงๆ
การที่หนังเล่าย้อนเนื้อหาสำคัญที่เคยเกิดขึ้นในเรื่องเพื่อปูเข้าสู่เนื้อหาปัจจุบัน ทำให้ภาพความทรงจำจาก อนิเมะซีซันก่อนๆ หลั่งไหลเข้ามาในความคิด ยิ่งกระตุกต่อมให้เรารู้สึกปลื้มปริ่มในอกขึ้นมาอีก เพราะคำสัญญา ความตั้งใจ ความปรารถนาทั้งหมดที่ตัวละครเคยตั้งเป้าหมายไว้ บัดนี้มันกำลังจะเกิดขึ้นจริงแล้ว
คำพูดแต่ละคำของตัวละครมันสื่อความรู้สึกของพวกเขาได้อย่างท่วมท้น โดยเฉพาะประโยคของโค้ชอุไคคนปู่ที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง มันจับใจผู้ชมได้อย่างลึกซึ้ง เราไม่คิดเลยว่าจะเสียน้ำตาตั้งแต่หนังเริ่มแค่ไม่กี่นาที แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนและได้แต่หยิบทิชชู่มาซับน้ำตาตัวเองเงียบๆ ด้วยความตื้นตันใจจนกระทั่งหนังจบลง
“ชื่อของฉันอาจจะไม่ได้อยู่ในการแข่งขัน
แต่ลูกศิษย์ของฉันอยู่ในสนาม และสายเลือดของฉันก็อยู่ที่นั่นด้วย”
อุไค อิคเคย์
นอกจากเนื้อหาของหนังแล้วรายละเอียดอื่นๆ ก็อยู่ในระดับที่ดีมาก ทั้งลายเส้นของภาพ การเคลื่อนไหวที่ดูลื่นไหลไม่ติดขัด เรียกได้ว่าเก็บรายละเอียดทุกเม็ดไม่มีเผา ยิ่งเป็นภาพที่เห็นบนจอขนาดใหญ่ยิ่งดูแล้วประทับใจในความสวยงามของภาพแอนิเมชัน การใส่เสียงหรือเพลงประกอบหนังก็ใส่ในจังหวะที่พอดีไม่รู้สึกขัดหู ทั้งยังช่วยเร้าอารมณ์ระหว่างดูการแข่งขันอีกด้วย
มีบ้างที่หนังตัดภาพ Flashback ย้อนอดีตเหตุการณ์ในจังหวะที่กำลังตบลูกสำคัญพอดีอาจทำให้รู้สึกขัดใจไปบ้าง เหมือนโดนขัดจังหวะตอนเข้าด้ายเข้าเข็ม แต่ฉากย้อนอดีตก็ช่วยกระตุ้นให้มีความรู้สึกและความทรงจำร่วมกับตัวละครมากขึ้น เมื่อฉายภาพกลับมาในสนามก็จะยิ่งทำให้รู้สึกอินไปกับตัวละครได้ง่ายๆ เลย
ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือการใช้มุมมองการเล่าเรื่อง (POV) ที่ไม่เหมือนในมังงะ เป็นการเล่าเรื่องผ่านมุมมองสายตาของตัวละครในช่วงท้ายเกม ไม่เพียงแค่มุมมองสายตาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเสียงรอบข้าง เสียงการหายใจ การเคลื่อนไหวของตัวละคร ภาพที่ตัวละครเห็น เราจะได้เห็นและได้ยินสิ่งเหล่านั้นเหมือนกัน
การดำเนินเรื่องด้วยการสร้างภาพมุมมองแบบนี้ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังเข้าไปตีโต้ลูกวอลเลย์อยู่ในสนามกับตัวละครจริงๆ เสียงหอบหายใจของตัวละครที่ดังก้องในหูเหมือนกับเวลาที่ตัวเราเองรู้สึกเหนื่อย เสียงรอบข้างที่ดังอื้ออึงเพราะเหนื่อยจนใกล้จะหมดแรง
บรรยากาศรอบข้างที่เราเห็นในจอเป็นภาพแบบเดียวกับที่ตัวละครเห็น มันจึงเป็นวิธีการเล่าเรื่องที่ใส่เข้ามาเพิ่มในช่วงท้ายได้เหมาะเจาะ และลงตัวมาก จากที่กำลังอินกับการแข่งขันที่ใกล้จบลง ก็ยิ่งอินมากขึ้นไปอีกเมื่อเราได้สวมวิญญาณทาบทับลงไปบนตัวละครขณะดู เป็นจุดที่ทีมแอนิเมเตอร์ทำออกมาได้สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว

สิ่งที่ขาดไม่ได้ใน Haikyu!! The Dumpster Battle หรือ ศึกที่กองขยะ นั่นก็คือ “แมว” และ “อีกา” ซึ่งเป็นภาพตัวแทนโรงเรียนที่ทำให้เกิดการเรียกชื่อศึกที่กองขยะนี้ขึ้นมา นอกจากความน่ารักของการใช้สัตว์มาเปรียบเทียบกับลักษณะนิสัยหรือคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นของตัวละครจากแต่ละโรงเรียนแล้ว การใช้สัญลักษณ์แทนโรงเรียนของอาจารย์ฟุรุก็ยังสื่อถึงรูปแบบการเล่นวอลเลย์บอกของแต่ละทีมด้วย
เพราะเนโกมะเป็นทีมที่ชำนาญในเรื่องของเกมรับ การรับลูกที่สุดแสน Perfect ทำให้สามารถเล่นลูกต่อไปได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังเป็นทีมที่มีการป้องกันหนาแน่น เรื่องการบล็อกก็เรียกได้ว่าแทบไม่มีช่องโหว่ สามารถขึ้นบล็อกตัวตบฝ่ายตรงข้ามได้รวดเร็วเหมือนแมวตะครุบเหยื่อ และการเล่นเกมรับของเนโกมะก็ถือว่าเป็นการต่อสู้บนพื้นดิน พวกเขาสามารถวิ่งบนสนามได้อย่างคล่องตัวไปยังจุดที่บอลจะตกพื้น สมกับเป็นแมวที่วิ่งได้ด้วยความว่องไว
ต่างจากคาราสุโนะที่ถนัดการต่อสู้บนอากาศหรือก็คือการกระโดดเพื่อตบลูกทำแต้ม เกมรุกของคาราสุโนะนั้นโดดเด่นมาก ทุกครั้งที่ผู้เล่นเหวี่ยงแขนขึ้นกระโดดตบลูกนั้นเสมือนอีกาที่กางปีกบินโฉบบอลอยู่ในสนาม อย่างที่ได้กล่าวไปตอนต้นบทความแล้วว่าฮินาตะของพวกเรานั้นสามารถกระโดดได้สูงราวกับติดปีกบิน ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาได้กลายมาเป็นอีกาจิ๋วของทีมในทันทีที่เข้าร่วมชมรม
ไม่ใช่แค่ฮินาตะเท่านั้น เรื่องการกระโดดและโจมตี สมาชิกคนอื่นๆ ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ทุกครั้งที่คนในทีมร่วมกันใช้แผนการบุกโจมตีประสาน (รูปแบบการทำแต้ม) ที่คนในทีมจะต้องออกตัววิ่งและกระโดดหมายทำคะแนนพร้อมกัน เป็นภาพที่เหมือนกับเวลานกกระพือปีกบินขึ้นไปเป็นฝูง นอกจากนี้ลักษณะการบุกที่หลากหลายและกล้าลองทำอะไรใหม่ๆ ของพวกเขานั้นก็เหมือนกับอีกาที่ปรับตัวได้ง่ายและสามารถกินอาหารได้หลากหลายนั่นเอง และการกระโดดขึ้นทำแต้มจากจุดที่ต้องการได้อย่างสวยงามก็เหมือนอีกาที่กางปีกโผบินอยู่บนฟ้ากว้างอย่างมีอิสระ
จะเห็นได้ว่าภาพตัวแทนแมวและอีกานั้นสามารถสื่อสารไปถึงรูปแบบการเล่นที่โดดเด่นของทั้งสองทีมได้ด้วยและเมื่อการกระโดดเปรียบได้กับการกางปีกบิน การบีบและปิดช่องทางการกระโดดของฮินาตะก็เหมือนเป็นการจับอีกาขังไว้ในกรง ไม่สามารถจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้ นั่นคือสิ่งที่แมวเจ้าเล่ห์อย่างเคนมะทำเพื่อตะครุบเหยื่อใส่กรง เพื่อทำให้ฮินาตะไม่สามารถกระโดดขึ้นตบลูกได้
รวมถึงอีกหลายฉากที่มีการใช้แมวและอีกามาซ้อนทับภาพของผู้เล่นในสนามได้พอดี เป็นการใช้สัญลักษณ์เปรียบเทียบได้ค่อนข้างเหมาะสมและน่าสนใจ ทำให้คนดูอย่างเรารู้สึกสนุกไปกับการจินตนาการภาพตามว่าเด็กๆ ที่เล่นอยู่ในสนามนั้นเป็นแมวและอีกาที่กำลังต่อสู้กันอยู่จริงๆ
หัวใจสำคัญของการแข่งในครั้งนี้อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องความสัมพันธ์ของสมาชิกทั้งสองทีม สายใยที่เชื่อมหัวใจของทุกคนบนสนามให้สามารถเล่นและแข่งขันกันได้อย่างเพลิดเพลิน สนุกสนาน และกลมกล่อมจนคนดูไม่อยากละสายตา
เริ่มจากนัดอุ่นเครื่องครั้งแรกในรอบ 5 ปี ของคาราสุโนะและเนโกมะ ขณะที่แข่งกัน ทั้งสองทีมก็รู้สึกสนุกที่ได้มาแข่งกับผู้เล่นเก่งๆ ในแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน เพราะสไตล์การเล่นวอลเลย์บอลของพวกเขาทั้งคู่แตกต่างกัน อีกทั้งความเก่งกาจก็ทำให้การแข่งขันค่อนข้างสูสี สมาชิกหลายคนรู้สึกทึ่งในความสามารถของทีมฝ่ายตรงข้าม เช่น นิชิโนยะ ยู ผู้เล่นตำแหน่งลิเบโร (ตัวรับอิสระ) ที่รู้สึกนับถือความสามารถในการรับลูกของ ยาคุ โมริสุเกะ ลิเบโรของเนโกมะ เมื่อจบการแข่งขันเขาจึงได้เข้าไปพูดคุยและชื่นชมอีกฝ่าย หรือสมาชิกคนอื่นๆ จากทั้งสองทีมที่มีนิสัยคล้ายๆ กันก็พากันจับคู่พูดคุย ทำความรู้จักกัน แม้แต่คาเงยามะเองที่ดูเงียบๆ ก็ยังแสดงท่าทีว่าอยากคุย (?) กับตัวเซ็ตมากความสามารถอย่างเคนมะด้วยเช่นกัน
ส่วนตัวละครหลักอย่างฮินาตะและเคนมะที่เคยบังเอิญเจอกันก่อน ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกันมากกว่าคนอื่นๆ ทั้งคู่เริ่มสนิทกันมากขึ้นหลังการแข่งขัน และยิ่งสนิทกันมากขึ้นไปอีกเมื่อพวกเขาได้ไปเข้าค่ายฝึกด้วยกัน และที่ค่ายฝึกนี้เองตัวบล็อกกลางของเนโกมะอย่างคุโรโอะก็ได้มีโอกาสสอนเทคนิคการบล็อกให้กับสึกิชิมะ เคย์ ตัวบล็อกกลางของคาราสุโนะอยู่หลายครั้ง สึกิชิมะจึงกลายเป็นลูกศิษย์ของคุโรโอะไปโดยปริยาย หรือจะเป็นความสัมพันธ์ของพวกกัปตันอย่างคุโรโอะ เท็ตสึโร่ กับซาวามุระ ไดจิ ที่มักจะกัดกันด้วยคำพูดอันแสนสุภาพที่แฝงไปด้วยคำเสียดสีเพื่อหยอกล้อกันเล่นทุกครั้งที่เจอกัน นับเป็นโมเมนต์ตลกปนน่ารักของทั้งคู่ที่เราจะยิ้มตามเสมอเมื่อได้เห็น
ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของคาราสุโนะและเนโกมะนั้นมีสายใยเชื่อมโยงกันอยู่หลายเส้น หากจะให้ไล่จนครบทุกคนคงไม่สามารถทำได้ แต่เป็นเรื่องจริงที่สมาชิกของทั้งสองทีมมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากจนเรียกได้ว่าทุกคนเป็นเพื่อนกันแล้ว เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ศึกที่กองขยะสำหรับเรามันอบอุ่นหัวใจมากๆ เพราะเป็นแมตช์ที่ทำให้เราได้เห็นมิตรภาพระหว่างทั้งสองทีมไปพร้อมกับการแข่งขันที่ดุเดือด
การที่พวกเขาเห็นอีกฝ่ายเป็นทั้งคู่แข่งและเพื่อนนั้นทำให้เกิดบทสนทนาหน้าเน็ตที่ตลกและน่ารักอยู่หลายฉาก เป็นรายละเอียดเล็กๆ ในหนังที่เราชอบมาก การพูดคุยกันข้ามเน็ตที่มีทั้งการจิกกัดและความสนิทสนมแบบเพื่อนมันทำให้เราซาบซึ้งในความสัมพันธ์ของพวกเขาจริงๆ

ขณะที่ดูศึกที่กองขยะอยู่ เราเห็นเลยว่าทั้งคาราสุโนะและเนโกมะต่างก็เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในแมตช์สำคัญนี้
แน่อยู่แล้วว่าคาราสุโนะที่เรารู้จักนั้นพัฒนาตัวเองขึ้นอยู่ตลอดทุกการแข่งขัน ฝึกซ้อมและทดลองการโจมตีรูปแบบใหม่อยู่เสมอ แต่ที่คาดไม่ถึงคือการที่เนโกมะหันมาพัฒนาฝีมือและฝึกฝนเทคนิคการโจมตีด้วยเช่นกัน พอเห็นรูปแบบการโจมตีที่พวกเขาใช้ในการต่อสู้กับคาราสุโนะแล้วเราก็ถึงกับอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดมาก่อนเลยว่าเนโกมะจะทำแบบนี้ด้วย
ส่วนในเรื่องของเกมรับเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วว่าเนโกมะเป็นทีมที่เหนียวมาก ยากเหลือเกินที่จะทำให้บอลตกพื้นในอาณาเขตของเขา แต่คาราสุโนะเองก็ไม่น้อยหน้าเพราะพวกเขาก็พัฒนาฝีมือการรับลูกมาเช่นเดียวกัน นั่นทำให้เกมนั้นยืดเยื้อจากการตีโต้กันอยู่นานพอสมควร คนดูอย่างเราได้แต่ลุ้นจนแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้เลย
การเติบโตด้านความสามารถก็ส่วนหนึ่ง แต่เรายังได้เห็นถึงการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของตัวละครด้วย อย่างสึกิชิมะที่เคยสงสัยว่าทำไมทุกคนต้องทุ่มเทกับวอลเลย์บอลทั้งที่เป็นแค่กิจกรรมชมรม ก็เริ่มรู้สึกสนุกและทุ่มเทให้กับการเล่นวอลเลย์บอลมากขึ้น เคนมะเองแต่เดิมก็รู้สึกเฉยๆ กับการเล่นวอลเลย์บอลถึงกลับเอ่ยปากบอกว่าสนุกกับการแข่งครั้งนี้ คาเงยามะที่เคยกลัวว่าฮินาตะจะตบลูกไม่ได้หากลองอะไรใหม่ๆ ตอนแข่ง ก็มีความกล้าที่จะเซ็ตลูกให้สูงขึ้นเพื่อให้ฮินาตะได้ลองทำแต้ม
ทุกคนล้วนเติบโตขึ้นทั้งในด้านฝีมือและความคิด เป็นลูกนกที่บินออกจากรัง เป็นลูกแมวที่วิ่งเล่นปีนป่ายได้อย่างอิสระ และเป็นความสุขใจของเราที่ได้เห็นพวกเขาเติบโต
อีกสิ่งหนึ่งที่หนังเรื่องนี้นำเสนอให้เห็นอย่างชัดเจนเลยคือจุดยืนของการแข่งขันในครั้งนี้ คือการที่ผลแพ้ชนะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่คือการทำให้พวกเขาสามารถเล่นอยู่บนสนามด้วยกันได้นานที่สุดต่างหาก เราในฐานะคนดูก็ไม่อยากให้มันจบเช่นกัน สำหรับผู้ชม ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายแพ้ก็น่าเสียดายทั้งนั้น เพราะมันแปลว่าการแข่งขันในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น เป็นสัญญาณว่าความสนุกกำลังจะจบลงไปพร้อมกับหนังเรื่องนี้
“ขอบคุณที่สอนฉันเล่นวอลเลย์บอล”
โคซุเมะ เคนมะ
4. Haikyu!! – ไฮคิว!! The Dumpster Battle หนังที่ควรค่าแก่การดู

ไฮคิว!! คู่ตบฟ้าประทาน ตอน ศึกที่กองขยะ (Haikyu!! The Dumpster Battle) ภาพยนตร์อนิเมะน้ำดีที่มีครบทุกรส ทั้งสุข สนุก ซึ้ง ตลก และตื่นเต้นตลอดการแข่งขัน แม้จะไม่เคยติดตามอนิเมะไฮคิวมาก่อนแต่ก็สามารถสนุกไปกับการแข่งวอลเลย์บอลได้ คิดซะว่ากำลังดูการแข่งกีฬาสักแมตช์อยู่ก็ได้ เพราะถึงจะไม่รู้จักตัวละครหรือเบื้องลึกเบื้องหลังของสองโรงเรียน แต่ในส่วนของฉากการแข่งขัน หนังเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กัน ทุกการตีโต้ ทุกลูกเสิร์ฟ ล้วนแล้วแต่จะทำให้คุณต้องลุ้นและร่วมเชียร์ไปตามๆ กัน แล้วคุณจะได้อะไรกลับไปมากกว่าความสนุกอย่างแน่นอน ซึ่งขอบอกไว้เลยว่าหนังเรื่องนี้ควรค่าแก่การเสียเงินไปดูอย่างยิ่ง
เราอาจจะยังถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อศึกที่กองขยะได้ไม่หมด แต่ใครที่ได้ดูหนังมาแล้วเราก็เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้สึกแบบเดียวกัน ความภาคภูมิใจ ความตื้นตัน ความซาบซึ้ง และความสนุกสนานที่ตัวละครทุกตัวมอบให้ผู้ชมนั้นมันมากเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ทั้งหมด ในด้านของการดำเนินเรื่อง มุมมองการเล่าเรื่อง ภาพเคลื่อนไหว เสียงประกอบต่างๆ ก็ทำได้ดีในทุกส่วน และไม่ลังเลที่จะซื้อตั๋วเข้าไปดูซ้ำอีกครั้งหรือสองครั้ง และนอกจากพากย์ภาษาญี่ปุ่น (Subtitle) แล้วศึกที่กองขยะพากย์ไทยก็สนุกและทำให้อินได้ไม่แพ้กัน
สุดท้ายนี้เราอยากบอกว่า ไฮคิว!! คู่ตบฟ้าประทาน ตอน ศึกที่กองขยะ (Haikyu!! The Dumpster Battle) เป็นหนังที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาดจริงๆ ถ้ามีเวลาก็อย่าได้ลังเลที่จะกดซื้อตั๋ว แล้วเข้าไปนั่งเชียร์นักกีฬาวอลเลย์บอลตัวน้อยทั้งสองทีมกันเยอะๆ นะคะ
“ก็แค่กิจกรรมชมรม”
“แต่เป็นกิจกรรมชมรมที่จะซาบซึ้งอยู่ในใจเราไปอีกนานแสนนาน”
จากใจผู้เขียน
#ประเทศไทยมีศึกกองขยะแล้ว