ผลงานสุดคลาสสิกของ วิลเลียม เชคสเปียร์ เรื่อง โรมีโอกับจูเลียต ที่โด่งดังมากเสียจนใครๆ ต่างก็ต้องรู้จัก หรือหากไม่รู้จักก็เชื่อว่าคงเคยได้ยินชื่อผ่านหูกันมาบ้าง เพราะบทละครเรื่องนี้ถูกนำไปดัดแปลงกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบนวนิยาย หนังสือการ์ตูน การ์ตูนแอนิเมชัน หรือภาพยนตร์ มีทั้งการดัดแปลงเนื้อหาและรูปแบบการนำเสนอ นั่นทำให้ โรมีโอและจูเลียต เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก (หรืออาจจะแค่เกือบๆ)
ถึงอย่างนั้นในสังคมไทยก็น่าจะยังมีคนที่ไม่เคยอ่านโรมีโอกับจูเลียตที่ถอดแบบมาจากต้นฉบับ หรือ First Folio ของวิลเลียม เชคสเปียร์ อยู่เป็นจำนวนมาก
แต่มันคงจะดีไม่น้อยถ้าได้ลองทำความรู้จักกับตัวละครจากเวอร์ชันต้นฉบับกันสักหน่อย เพราะเราจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของตัวละคร ซึมซาบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกใบแรกของโรมีโอและจูเลียตที่มีความลึกซึ้งผ่านงานที่แปลจาก Original อีกทั้งยังได้สัมผัสความสนุกของบทละครไปในตัว
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวไปมันเกิดจากการที่เราได้มีโอกาสมาอ่าน โรมีโอกับจูเลียต ที่แปลโดย ศวา เวฬุวิวัฒนา เป็นเวอร์ชันของสำนักพิมพ์เม่นวรรณกรรมที่ยังคงรูปแบบเดิมของบทละครไว้ ไม่มีการดัดแปลงเนื้อหา ไม่มีการดัดแปลงรูปแบบการนำเสนอ อีกทั้งสำนวนภาษาที่ใช้ก็แปลออกมาได้สละสลวยไม่น้อยไปกว่าต้นฉบับเลย
แม้มันจะเป็นเรื่องราวที่เราเคยฟังมานักต่อนักแล้ว แต่ก็ยังไม่เท่าการที่เราได้มาอ่านด้วยตัวเอง การได้เก็บรายละเอียดยิบย่อย นิสัยอันลึกซึ้งของตัวละคร การที่ได้รู้จักตัวละครชายหญิงที่เชคสเปียร์สร้างขึ้นมา ให้รสชาติต่างไปอย่างเหลือเชื่อ
เรื่องราวระหว่างโรมีโอและจูเลียต ความรักต้องห้ามของหนุ่มสาวจากสองตระกูลใหญ่ที่เป็นคู่อริกันมาอย่างยาวนาน ทั้งคู่ได้พบกันครั้งแรกโดยบังเอิญที่งานเลี้ยงเต้นรำของตระกูลคาปูเล็ตที่บ้านของจูเลียตนั่นเอง แน่นอนว่าทั้งสองคนตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ถึงจะรู้ความจริงในเวลาต่อมาก็ไม่ทำให้ทั้งสองเปลี่ยนใจอยู่ดี
เมื่องานเลี้ยงเลิกรา โรมีโอ พ่อหนุ่มนักรักแห่งเวโรนาก็ได้ลอบปีนเข้าไปอยู่ภายในรั้วบ้านของจูเลียตอีกครั้ง ก่อนพร่ำเพ้อถึงแม่คนสวยที่เขาพึ่งตกหลุมรัก เช่นเดียวกันกับจูเลียต หญิงสาวบริสุทธิ์ที่เพิ่งได้สัมผัสความรู้สึกรักใคร่เป็นครั้งแรกกำลังระบายความอัดอั้นในใจของเธออยู่ที่นอกระเบียงห้องนอน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนแอบฟังอยู่ พอโรมีโอเผยตัวทั้งสองจึงได้โอกาสจีบกันอย่างเปิดเผย
ถึงแม้ความเป็นศัตรูกันของตระกูลจะค้ำคออยู่ ก็ไม่อาจหยุดความรักชั่วข้ามคืนนี้ได้ ทั้งสองจึงตัดสินใจแอบแต่งงานกันเอง แม้จะแต่งกันอย่างถูกต้องแต่ก็ไม่สามารถบอกใครได้ อีกทั้งยังมีอุปสรรคมากมายมาคอยขัดขวางความรักของทั้งคู่ไม่หยุดหย่อน แต่จูเลียตก็ไม่ยอมแพ้ ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ไปอยู่กับโรมีโอ จนในท้ายที่สุด แม้จะเป็นความตายก็ยังไม่อาจพรากความรักของทั้งสองจากกันได้
อย่างที่รู้กันดีว่าโรมีโอและจูเลียตเป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรัก แต่ระหว่างทางก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องราวดราม่าไปซะทั้งหมด เพราะในห้องนอนของจูเลียตก็ยังคงอบอวลไปด้วยรักที่หอมหวานของคู่รักใหม่
หากจะให้เราแกล้งๆ ลองวิเคราะห์ดูสักหน่อย คงวิเคราะห์ได้ว่าบทละครเรื่องนี้นำเสนอให้เห็นโลกสองใบของโรมีโอและจูเลียต อ้อ! ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการมีชู้แล้วมีโลกสองใบอะไรอย่างนั้น เพียงแต่เป็นโลกที่ทั้งสองอยู่ในบทบาทสามี-ภรรยา กับ โลกที่ทั้งคู่ต้องสวมบทบาท ลูกชายของมอนตากิว กับ ลูกสาวของคาปูเล็ตต่างหาก
เพราะในเวลาปกติโรมีโอก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นคนบ้านมอนตากิว ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะต้องคอยรับมือกับการทะเลาะวิวาทกันของคนจากทั้งสองตระกูล ส่วนจูเลียต ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคาปูเล็ตก็ต้องรับมือกับความคาดหวังของพ่อแม่ที่อยากให้เธอแต่งงานกับชายที่พ่อแม่เลือกให้
แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อถึงช่วงเวลาที่ทั้งคู่ได้อยู่กันตามลำพัง ก็สามารถแสดงความรักต่อกันออกมาได้อย่างจริงใจ หรืออาจเรียกได้ว่ามันช่างสวีทหวานเสียจนคนอ่านนึกอิจฉาและพลอยเขินตามไปด้วย โดยเฉพาะฉากที่ทั้งสองคนสลับกันหยอดคำหวานไปมา ขนาดเรายังเผลอยิ้มตามกับคำพูดคำจาที่แสนแพรวพราวของโรมีโอเลยทีเดียว
“…นั่น, นางเอียงแก้มแนบมือนั้นอย่างไร;
โอ้ ข้าเพียงหวังเป็นถุงมือสวมมือนั้น ให้ข้าได้สัมผัสแก้มของนาง!” – โรมีโอ (93.2.2)
และการที่ทั้งสองคนได้เข้าพิธีแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามหลักศาสนาโดยมีบาทหลวงเป็นพยานรักในครั้งนี้ ก็เป็นเครื่องยืนยันอีกอย่างหนึ่งว่าทั้งสองกลายมาเป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ เพราะถึงจะเป็นการแต่งงานอย่างลับๆ แต่พิธีที่ว่าก็เกิดขึ้นจริง และสำเร็จโดยที่ไม่ได้มีใครมาขัดขวางการแต่งงาน แถมทั้งคู่ยังได้เข้าห้องหอร่วมหลับนอนกันอย่างที่ตั้งใจอีกด้วย
จะเห็นชัดเจนว่าแม้โลกภายนอกจะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายมากมาย ทั้งการทะเลาะวิวาท การตาย การคลุมถุงชน แต่สุดท้ายเมื่อทั้งคู่เข้ามาอยู่ในห้วงรักของกันและกัน ก็ไม่อาจมีสิ่งใดมากวนใจพวกเขาได้ หรือเอาตรงๆ ต้องขอใช้คำว่า “เหมือนโลกนี้มีแค่เราสองคน” อย่างไรอย่างนั้นเลยล่ะ
ความรักของทั้งคู่อาจเรียกได้ว่าสมหวังแม้นโศกเศร้า อาจดูยากลำบากไปสักหน่อย แต่หากดูดีๆ แล้วทั้งคู่ก็ได้ทำสิ่งที่คู่แต่งงานใหม่ควรทำด้วยกันแล้ว แม้จะเป็นเวลาอันสั้นแต่ก็นับว่าทำได้สำเร็จตามใจปรารถนา หรือจะเรียกว่าสมหวังตั้งแต่ตุการณ์ที่ระเบียงห้องนอนในวันแรกเลยก็ยังได้ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะรักใครและเขาคนนั้นก็รักตอบ แต่โรมีโอและจูเลียตต่างใจตรงกันตั้งแต่วันแรกที่พบหน้า เราเลยไม่ค่อยอยากพูดว่ามันเป็นรักที่ไม่สมหวังสักเท่าไหร่ เพราะก็เห็นๆ กันอยู่ว่าพวกเขาพยายามทำทุกทางเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน ขนาดตอนจบที่โรมีโอตาย จูเลียตยังไม่ยอมอยู่คนเดียวและตายตามโรมีโอไปเลย
นั่นคงเรียกได้ว่าเป็นรักที่สมหวังอีกรูปแบบหนึ่งล่ะมั้ง ถึงแม้จะมีรสชาติขมปร่าไปหน่อยก็ตาม (ปาดน้ำตา)
อีกหนึ่งสิ่งที่ชอบหลังอ่านหนังสือเล่มนี้จบ นั่นคือความใจเด็ดของจูเลียต ที่เราแอบคิดว่ามีมากกว่าโรมีโอเสียด้วยซ้ำ เพราะเดิมทีจูเลียตเป็นเพียงผู้หญิงใสซื่อคนหนึ่ง แต่กลับตัดสินใจทำอะไรตามที่ใจตนเองต้องการได้อย่างไม่ลังเลและมุ่งมั่นที่จะทำมันให้สำเร็จจนได้ ทั้งการเอ่ยปากนัดแนะเรื่องแต่งงาน หาทางออกจากบ้านเพื่อเข้าพิธีวิวาห์ ยึดมั่นปฏิเสธการแต่งงานกับชายที่พ่อหามาให้ แม้จะโดนพ่อดุด่าก็ยังคงยืนหยัดในรักของตนเอง ตัดสินใจยอมเสี่ยงตายดื่มยานอนหลับตามแผนการเพื่อให้ได้หนีออกจากบ้านอันสุขสบายเพื่อไปอยู่กับสามีที่ถูกเนรเทศ (แถมอาจจะต้องไปใช้ชีวิตอย่างลำบาก) กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตก็ยังกล้าหยิบมีดแทงตัวเองให้สิ้นใจนอนตายข้างโรมีโอ
การกระทำทั้งหมดเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแม้ภายนอกจูเลียตจะดูเป็นเพียงหญิงสาวที่บอบบาง เติบโตเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่จิตใจเธอกลับแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวกว่าที่คิดไว้มาก ทั้งที่หญิงในสมัยนั้นค่อนข้างไว้ตัว (รู้ได้จากเวลาที่พวกผู้ชายกล่าวถึงผู้หญิงคนอื่นที่โรมีโอเคยชอบ)
อีกทั้งยังมีความกดดันจากคนในครอบครัวร่วมด้วย ซึ่งการที่หญิงสาวคนหนึ่งโตขึ้นมาภายในกรอบของพ่อแม่ทำให้เราอาจเผลอตัดสินไปตามค่านิยมว่าเธอคงจะต้องจำใจเชื่อฟังและยอมทำตามคำพูดของผู้ใหญ่แน่นอน แต่จูเลียต
กลับไม่ได้ทำแบบนั้น เธอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะไม่แต่งงานกับชายอื่นนอกจากโรมีโอ หากจะต้องแต่งเข้าจริงๆ เธอขอยอมตายเสียดีกว่า
“โอ้ ต่อให้สั่งข้าโจนลงมา, แทนวิวาห์กับปาริสคนนั้น, จากเชิงเทินของปราการทั้งหลาย;
…อะไรก็ตาม, ที่เพียงได้ฟัง ตัวข้าต้องสะท้านสั่น, ข้าจักทำได้โดยไม่กลัว ไม่กังขา,
เพียงได้เป็นภริยาบริสุทธิ์ของสุดที่รักของข้า” – จูเลียต (213.4.1)
จุดนี้เองที่ทำให้เราหลงรักในตัวจูเลียต ตัวละครที่มีอิสระทางความคิด เด็ดเดี่ยวและบางครั้งดูจะใจกล้ายิ่งกว่าโรมีโอเสียอีก เพราะอย่างในตอนที่ถูกเนรเทศ โรมีโอทำได้แค่เพียงบอกลาคนรักและรอคอยเวลาที่เหมาะสมในการจะกลับมาอยู่ด้วยกัน ในขณะที่จูเลียตดิ้นรนทุกทาง ทั้งจะฆ่าตัวตาย ทั้งยอมทำตามแผนการเสี่ยงอันตรายของบาทหลวง แล้วยังต้องสู้กับความคาดหวังของที่บ้านไปพร้อมๆ กัน แต่เธอก็สามารถรับมือกับมันได้อย่างดี
หรือจริงๆ แล้ว ไม่ใช่โรมีโอที่เป็นฝ่ายไต่บันไดปีนขึ้นไปบนห้องนอน แต่เป็นจูเลียตเองต่างหากที่กระโดดจากระเบียงห้องลงมาหาโรมีโอ
ไม่เพียงแค่เนื้อเรื่องที่เข้มข้นเท่านั้น แต่ภาษาที่ ศวา เวฬุวิวัฒนา ได้แปลออกมาก็สละสลวยมาก ถ้าเป็นไปได้เราก็ขอใช้คำว่า “ไพเราะ” กับสำนวนภาษาที่เราได้อ่านในโรมีโอกับจูเลียต เวอร์ชันนี้ ยิ่งในฉากที่ทั้งคู่จีบกัน ภาษาและคำพูดที่โรมีโอใช้มันทำให้คนอ่านยิ้มตามได้ง่ายๆ ด้วยความน่ารักปะปนไปกับคารมของผู้ชายโรแมนติก แม้มันจะดูหวานเลี่ยน แต่ก็ฟังได้ไม่เบื่อ ซึ่งขอบอกตามตรงเลยว่ามันทำให้เราอินกับฉากนั้นอยู่นานเลย (ฮา)
“ข้าหาใช่ต้นหนไม่, กระนั้น, ต่อให้เจ้าอยู่แสนไกล,
บนชายฝั่งเวิ้งว้างอันซัดสาดด้วยทะเลไกลสุดไกล,
ข้าจักออกเดินทางผจญภัย, ไขว่คว้าสมบัติล้ำค่าเช่นนั้น” – โรมีโอ (97.2.2)
หากนำบทละครเรื่องนี้ไปอ่านออกเสียงหรือใช้เล่นละครเวที ก็คงได้ฟังประโยคที่เพราะจับใจไปตลอดทั้งเรื่อง ด้วยคำที่ใช้ก็เข้ากับยุคสมัยภายในเรื่อง เข้ากับบริบท มีการใช้คำเปรียบเทียบต่างๆ นานา ในการพรรณนาความรักของตัวละครที่ส่งไปให้อีกฝ่าย สำนวนภาษาชวนให้เราเคลิ้บเคลิ้มไปกับเรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นตรงหน้า
โรมีโอกับจูเลียต เป็นบทละครที่มีความสนุกครบรส ทั้งเขิน ตื่นเต้น สุข และเศร้า เราทั้งยิ้ม หัวเราะ และสลดใจสลับกันไปขณะที่อ่าน เรียกได้ว่าอารมณ์สวิงสุดๆ ไม่รู้ว่าจะต้องรู้สึกยังไงกับเหตุการณ์ไหนก่อนดี เป็นความเพลิดเพลินอีกรูปแบบหนึ่ง หลังอ่านจบเราก็ได้นั่งทบทวนเกี่ยวกับเนื้อเรื่องและตัวละครแล้วพบว่ามันช่างเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมากจริงๆ ทั้งยังพบกับสำนวนภาษาที่ลื่นไหลชวนอ่าน เป็นหนังสือที่อ่านแล้วไม่รู้สึกเบื่อเลย หรือหากจะอ่านแบบถอดสมอง ปล่อยใจ ไม่ต้องคิดมากอะไรก็นับว่าเป็นเรื่อง โรแมนติก-ดราม่า ที่สนุกครบรสควรค่าแก่การอ่านอยู่ดี
“ความใจดีของข้านั้นไร้เขตคามดุจผืนน้ำทะเล,
ความรักของข้าก็ลึกเทียมเท่า; ยิ่งข้ามอบใจให้เจ้าเท่าใด,
ข้าก็ยิ่งมีมากเท่านั้น, ด้วยรักของสองเราต่างไร้ที่สิ้น” – จูเลียต (101.2.2)