เรื่องสั้น ยามเช้า ภาพซีดจางของตัวละครไร้ชื่อ กับความทรงจำเก่า ความตายของสามีและแม่ของเขา ทำให้ “คุณ” เขียนถึงเขา ผลงานเรื่องใหม่ของ วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา ที่พาผู้อ่านให้พบกับด้านจมดิ่งภายใต้ตัวละครที่รู้สึกผิดอยู่กับอดีตที่ไม่เคยถูกลบ แม้แต่เวลาก็ไม่อาจเยียวยาได้
เช้าวันนั้น คุณผวาตื่นขึ้นจากอ้อมแขนของชายอื่นเพราะเสียงปืนจากในฝัน ความรู้สึกขมปร่าเกาะกินริมฝีปากจนโหยแห้ง คุณตื่นมาพร้อมกับอาการใจสลายไร้สาเหตุ เตียงของเขาปูด้วยผ้าปูสีขาว ผ้าม่านบางพะเยิบไหว มีเสียงรถราอยู่ข้างนอก มีลมพัดอ่อนๆ ลอดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดแง้มไว้ คุณสวมเสื้อยืดของเขา ห่มคลุมร่างกายลงไปถึงต้นขา รู้สึกได้ว่าบางอย่างตายลง จบสิ้นสูญดับ เช้าที่เงียบสงบ เสียงปืนในฝัน กระชากให้คุณตื่นขึ้นมาร้องให้
หลายชั่วโมงต่อมาคุณจึงรู้ข่าวว่าเขาตายเสียแล้วเมื่อเช้า ขโมยปืนของเพื่อนตำรวจมาจ่อยิงตัวเอง ดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำที่คุณเป็นคนซื้อ แขวนคอกับต้นไม้ใหญ่แถวบ้าน หรือกระโดดลงมาจากชั้นบนสุดของอาคาร คุณไม่อาจทราบได้ คนที่รักคุณฆ่าตัวตาย และคุณกลายเป็นอาชญากรของความไม่รัก
คุณเป็นคนจัดงานศพให้กับเขา เพราะคุณเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ คุณคิดว่าคนที่มางานต่างก็รู้ว่าที่จริงคุณเป็นคนฆ่าเขา ด้วยการย้ายออกจากบ้าน ด้วยการคบชายอื่น ด้วยการค้นพบเสรีภาพของการไม่รักและไม่ถูกรัก ไม่มีใครแทนที่เขาได้แต่คุณก็ทนเขาไม่ได้ด้วยเช่นกัน
แม้อันที่จริงผู้คนต่างคิดว่าเขาตายเพราะความน้อยใจจากการไม่ได้เลื่อนตำแหน่งในงานที่เพียรทำมาหลายปี คุณปฏิเสธความช่วยเหลือจากคนรักใหม่ หรืออันที่จริงคนรักเก่า คนรักคนแรก ที่ตอนนี้คุณไม่ได้รักมากไปกว่าการได้กลับไปชิมรสของอดีตที่จบลงอย่างค้างคาชั่วครู่ คุณไม่ยอมให้เขามาโผล่ที่งาน คุณใช้เงินเก็บของคุณสองคนในการจัดการงานศพ ครุ่นคิดถึงความโดดเดี่ยวของเขาในเช้าวันนั้น ซึ่งถึงแม้เขาจะเหลือทน แต่การที่คุณปล่อยให้เขาผเชิญหน้ากับตัวเองโดยลำพังในเช้าวันนั้นก็เหลือทนยิ่งกว่า คุณคิดถึงแม่ของเขา หญิงชราผ่ายผอมซึ่งตายลงในอ้อมแขนของคุณขณะที่เขาอยู่ที่ทำงาน เขาเป็นลูกแหง่ติดแม่ สองคนแม่ลูกโตมาด้วยกันและมีเพียงกันและกัน เขาดูแลแม่ของเขาอย่างดีจนหล่อนตาย คุณเคยประทับใจเขาในเรื่องนี้ และช่วยดูแลอย่างสุดความสามารถตอนที่ยังทำได้
อีกครั้งมันเป็นตอนเช้า ทุกอย่างเงียบเสียงลง แม่สามีของคุณป่วยด้วยโรคไขกระดูกฝ่อ รูปแบบหนึ่งของมะเร็งเม็ดเลือด เหมือนกับไฟในชีวิตของแม่ค่อยๆ มอดดับ ไขกระดูกไม่ผลิตเม็ดเลือดใหม่ๆ ร่างกายค่อยๆ เย็นเยียบ หมดเรี่ยวแรงที่จะมีชีวิตอยู่ ขณะได้เลือดถุงแล้วถุงเล่า แต่ตัวเลขก็ไม่กระเตื้อง มือของแม่เย็นยะเยียบ กินได้เพียงเล็กน้อย ไฟชีวิตของแม่หรี่ลงช้าๆ เช้าวันนั้นพวกคุณตื่นพร้อมกัน คุณเช็ดตัวให้แม่ มีแสงแดดสาดส่องอยู่หลังม่านสีชมพูในห้องพิเศษ แม่กุมมือของคุณ มือเล็กๆ ที่เย็นเฉียบ
เสมอมาพวกคุณ–แม่ผัวลูกสะใภ้ มักกระซิบแก่กันเงียบๆ หล่อนกระซิบแก่คุณว่า เด็กคนนั้นใช้เวลากับหล่อนมากเกินไป ความกลัวลึกๆ ในใจหล่อนที่พึ่งพิงลูกชายมาชั่วชีวิต คือความรู้สึกว่าถึงที่สุดลูกชายของหล่อนจะต้องลิ้มรสชาติของความโดดเดี่ยวที่แท้เมื่อหล่อนตายจาก คุณรู้เช่นเดียวกันกับที่หล่อนรู้ว่าคุณอยู่ใต้เพดานแบบไหนในความสัมพันธ์ที่เขาดูแลคุณอย่างหมดจด คุณรู้ดีว่าความโดดเดี่ยวติดแม่ของเขาเป็นโรครักษาไม่หาย คุณรักเขาแทนที่แม่ของเขาไม่ได้ เพราะเขาไม่มีวันรักใครได้ขนาดนั้นอีก และเพราะคุณไม่รักใคร ไม่เคยรักใครมากเท่าที่เขารักแม่ของเขาแม้แต่เขา คุณจึงเพียงคอยอยู่เคียงข้างในโมงยามเหล่านั้น หลังแม่ตาย เมื่อคุณกลายเป็นหนึ่งเดียวที่เขาเหลือให้รัก และเขาทุ่มเทความรักที่ยังพอมีเหลือให้กับคุณ คุณก็ค่อยๆ เลิกรักเขา ทุกอย่างเกิดขึ้นมาเองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เขาไม่ได้ตายเพราะคุณไม่รัก เขาตายเพราะเขาไม่ถูกรักอีกแล้ว
เขาตาย คุณมีชีวิตสืบต่อ ในบางเช้าที่เงียบสงบคุณยังคงได้ยินเสียงปืน ผวาตื่นมาใจหายบนเตียงของตัวเอง เตียงในห้องโรงแรม เตียงของคนแปลกหน้า เตียงของอดีตคนรัก บ่อยครั้งมันเป็นเสียงปิดประตู เสียงแมวทำของตก เสียงจากรถราข้างนอก คุณผวาตื่นและเหมาว่ามันเป็นเสียงจากปืนของเขา เสียงตามหลอกหลอนคุณเหมือนกับเสี้ยนไม้ในเสื้อตัวโปรดที่คุณหาเท่าไรก็ไม่พบ วันดีคืนดีเมื่อหยิบมันมาใส่ เสี้ยนไม้จะทิ่มตำเนื้อหนังจนคันคะเยอ
ย้อนคิดกลับไป คุณมีทางเลือกไม่มากนัก ระหว่างทุกข์ทรมานอยู่ในความสัมพันธ์อันสมบูรณ์แบบที่คุณไม่ปรารถนาอีก กับทุกข์ทรมานอยู่ในความโดดเดี่ยวที่คุณปรารถนา แต่คุณไม่ทันคิดว่าผีของเขาจะคอยหลอกหลอน คุณคิดว่ามันคงดีหากเพียงแค่พวกคุณเลิกรากันไป หรือเริ่มเกลียดชังกัน เขาจะได้พบรักใหม่ คุณจะรู้สึกโกรธที่ยังอยู่ลำพังขณะที่เขากับหญิงคนรักที่หน้าคล้ายคุณแต่เป็นฉบับที่ดีกว่าคุณอยู่กับเขา คุณอยากจะเป็นฝ่ายริษยา และถูกลงโทษที่จากเขามา ทั้งที่เขาทำทุกอย่างเพื่อคุณ แต่เขาตายแล้ว คุณไปได้สวยในทางที่เลือก แต่ความตายของเขาตั้งตระหง่านอยู่เหนือทุกความสำเร็จของคุณ รอยเลือดในพื้นห้องน้ำที่ลบไม่ออก คุณขายบ้านหลังนั้นไปในราคาถูก หลังจากรื้อกระเบื้องห้องน้ำออกทุกแผ่นแล้วปูใหม่ คุณไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านหลังนั้น แต่นั่นไม่เป็นไร เสียงปืนอยู่กับคุณไปทุกที่ เหมือนอาการหัวระเบิดที่ผู้คนได้ยินเสียงปังในตอนหลับ
คุณเขียนได้ดีหลังเขาตาย ความคิดเกี่ยวกับเขาทำให้คุณเขียน การได้นึกถึงเขาในฐานะตัวละครกลายเป็นการไถ่ถอนบาปของตัวเองอย่างถูลู่ถูกังไปบนถนนปูกรวด งานเขียนของคุณได้รับการพูดถึงภายใต้นามปากกาที่น้อยคนจะรู้จัก คุณซ่อนมันออกจากงานประจำที่ การครุ่นคิดถึงแต่เขาคงเป็นรูปแบบการลงโทษที่เหมาะสมต่อการนอกใจ คุณเขียนถึงเขาในช่วงวัยแตกต่างกัน เด็กวัยรุ่น ลูกแหง่ คนหนุ่มที่ขี้อายและเก็บตัว ชายวัยกลางคนที่สูญเสียทุกอย่างทั้งที่ทำดีที่สุดแล้ว ความอยุติธรรมที่เขาได้รับเป็นเพียงโชคชะตา การคิดแบบนั้นอาจทำให้คุณสบายใจ แต่ลึกๆ คุณรู้ว่าตัวเองไม่เคยลอยนวลพ้นผิด
มันเป็นยามเช้าเสมอ เสียงปืนจะมาในเวลาที่ไม่คาดคิด แต่เป็นยามเช้าเสมอ อันที่จริงบางครั้งมันเป็นเสียงอื่น แมวในห้องทำของหล่นพื้น เสียงจากรถราข้างนอก หรือเสียงจากทีวีของเพื่อนบ้าน เสียงที่ปลุกให้คุณสะดุ้งตื่นในยามเช้า หรือใกล้สาง ปลุกคุณจากความฝัน
ในฝันหลายครั้งคือความฝันว่าเขายังไม่ตาย ชีวิตของคุณทั้งคู่ดำเนินไปด้วยดี ในความฝันแบบนั้น คุณมีความสุข การสะดุ้งตื่นจากความฝันถึงความสุขนั้นเจ็บปวดและทุกข์เศร้า เพราะมันได้รับการยืนยันว่าความสุขนั้นจบลงแล้ว บางครั้งคุณตื่นขึ้นมาร้องให้ บางครั้งตื่นขึ้นมาอ่อนล้า และจะอ่อนล้าไปจนจบวัน คุณภาวนาให้ตัวเองหลับโดยไม่ฝัน เพราะนั่นคือทางออกที่ดีที่สุด ไม่ต้องสุข ไม่ต้องทุกข์ ล่องไหลไปกับชีวิตตรงหน้า และสูญดับไปตลอดสี่ห้าชั่วโมงของการนอน ในการนอนผู้คนโดดเดี่ยว ซึ่งนั่นดีแล้ว
ในเช้าที่คุณได้ยินเสียงปืน คุณจะตื่นแล้วไม่หลับต่ออีก คุณเขียนได้ดีในความรู้สึกนั้น คุณจะลุกขึ้นมาจากเตียง ผละจากคู่นอน หรือความว่างเปล่าชนิดต่างๆ คุณจะนั่งลงบนโต๊ะ รอให้ใจหายสั่น รอให้ตะกอนขุ่นข้นในสมองนอนก้น จากนั้นคุณจะเริ่มเขียน คุณเขียนเรื่องเล่าเดิมๆ ซ้ำหลายรอบโดยเปลี่ยนนั่นนิดนี่หน่อย ราวกับฆาตกรย้อนกลับไปยังจุดเกิดเหตุ ยิ่งเขียนคุณยิ่งมองไม่เห็นเขา ยิ่งคุณกัดเซาะลงไปในเหตุการณ์หรือ ปูมหลังของตัวละคร ทุกอย่างก็ยิ่งเลือนลางออกไป อย่างน้อยสองสามครั้งที่ตัวละครลงเอยด้วยการฆ่า ทั้งตัวเองและคุณ แต่คุณไม่เคยเข้าใกล้เขาเลย หนังสือรวมเรื่องสั้นของคุณได้รับการตีพิมพ์ห้าปีหลังเขาตาย เมื่ออ่านมันด้วยสายตาของคนนอกคุณก็ร้องไห้ออกมา
เรื่องที่ดังที่สุดของคุณคือการเขียนเรื่องเขา เขียนถึงวันที่เขากลับบ้านเร็วและคุณออกไปข้างนอก คุณบรรยายรายละเอียดของบ้านอย่างละเอียด แต่ไม่บรรยายรูปร่างของเขา คุณเขียนถึงแสงยามเย็นที่สาดส่องผ่านหน้าต่างและประตูกระจกเข้ามา แสงสุดท้ายของวันที่อ่อนล้าท่ามกลางห้องที่มืดมิด เขากลายเป็นเพียงเงาและเสี้ยวหน้าในความมืด เดินไปในบ้านที่เขาอาศัยอยู่มาหลายปีและรู้สึกแปลกแยก เป็นคนแปลกหน้าในบ้านตัวเอง คุณบรรยายอย่างละเอียดถึงชั้นหนังสือ รูปถ่ายของแม่ในกรอบบนโต๊ะ มุมที่แสงเงาตกกระทบ เขียนถึงกระทั่งสีของชั้นหนังสือที่ทำจากหวาย ซึ่งซีดจางลงหลังจากใช้งานมาหลายปี แต่ไม่เขียนถึงเขา คุณเขียนถึงเสียงโทรศัพท์ลึกลับ คุณบรรยายรายละเอียดของโทรศัพท์เก่าสีแดงแบบหมุนตัวเลข เขาเป็นคนไปซื้อหามาจากตลาดมือสอง แต่คุณไม่บอกว่าเขาคุยอะไร หรือคุยกับใคร หลังวางสายเขาออกไปข้างนอก โดยไม่เอาอะไรติดตัวไป จากนั้น บ้านก็ตกอยู่ในความว่างเปล่า แสงสนธยาค่อยๆ หรี่ดับเชื่องช้า แล้วห้องตกอยู่ในความมืด โดยนัย คุณเขียนให้ผู้อ่านรู้ว่าเขาจะไม่กลับมาอีก แม้ผู้อ่านจะแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับเขา เว้นแต่จะเก็บเกี่ยวตัวเขาจากเรื่องสั้นก่อนหนัาของคุณ
เขากลับบ้านตรงเวลาเสมอตลอดสิบปีที่อยู่ด้วยกัน ทำอาหารให้คุณกิน ไม่สูบบุหรี่ ดื่มเหล้านิดหน่อยและจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษถ้าคุณร่วมดื่มด้วย นอกจากดูแลแม่ เขาดูแลคุณ ไม่เคยซักไซ้เวลาคุณออกไปข้างนอก แค่รอคอยเงียบๆ เหมือนลูกหมาคอยเจ้าของ เขากลายเป็นกำแพงของบ้านที่ทำทุกอย่างถูกต้องจนทำให้คุณกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ผิดประหลาด เป็นผู้หญิงครึ่งดีครึ่งบ้าที่ได้สามีที่หมดจดก็ยังไม่พอใจ
เป็นครั้งแรกที่คุณรู้สึกถึงลูกกระสุนของเขาเบียดแทรกเข้ามาในเนื้อหนัง เลือดที่ไหลตกอยู่ข้างในและซึมผ่านเสื้อยืดสีขาวออกมาเพียงจุดเดียว คุณเขียนถึงฉากนี้ในเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง เขียนให้ตัวเองตาย เขียนให้เขาตาย เขียนตอนจบที่ทุกข์เศร้า เขียนตอนจบที่สมหวัง คุณดิ่งลงไปในรายละเอียดของบ้าน โต๊ะ ชั้นหนังสือ ปืน โครงหน้าของเขา ความทุกข์ของเขา เหตุผลร้อยพันที่คุณสมควรตายและเขาไม่ แต่เรื่องเล่าเป็นแค่เรื่องเล่า เมื่ออ่านมันในฐานะของเรื่องเล่า คุณเพิ่งได้ค้นพบว่าคุณไม่รู้จักเขา คุณเขียนถึงเขาจากมุมมองจำกัดที่คุณรู้เกี่ยวกับเขา แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้น คือคุณไม่ได้เขียนถึงตัวเอง คุณไม่ได้มองดูตัวเองจากสายตาของตัวเอง ซ่อนตัวไว้ในตัวละครเหล่านั้น คิดถึงเหตุการณ์โดยโทษตัวเองเพื่อไถ่บาป หรือไม่โทษตัวเองเพื่อเอาตัวรอด
นานมากหลังจากที่หนังสือจัดพิมพ์ ในฐานะที่คุณเป็นนักเขียนหญิง มันได้รับการพูดถึงในแง่ความเก็บกดของคนเป็นเมียและเป็นแม่ได้อย่างทรงพลัง ผ่านการเล่าเรื่องของตัวละครชาย คุณไม่ยอมอ่านมันอีกหลังจากการตรวจต้นฉบับครั้งสุดท้าย มีชีวิตอยู่กับเสียงปืนในยามเช้า จนหลายปีต่อมา หลังจากคุณกลับไปอ่านงานของตัวเองจบจริงๆ คุณไม่ได้ยินเสียงปืนอีก
หลายปีต่อมา ร่องรอยของเขาค่อยๆ ซีดจางลง สังคมเคลื่อนจากประชาธิปไตยโน้มเอียงไปทางเผด็จการ มีการรัฐประหาร มีการต่อต้าน มีความตาย มีการรัฐประหารซ้ำ คุณใช้ชีวิตเรื่อยไป เป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ในภาพใหญ่เหมือนเม็ดสีตุ่นๆ ที่ไร้รูปทรง คุณไม่เก็บหนังสือเล่มนั้นไว้กับตัว คุณมีคนรักใหม่อีกสองหรือสามคน ลงเอยด้วยการอยู่ลำพัง คุณไม่มีลูก ไม่มีเรื่อง ไม่มีเสียงปืนเป็นของตัวเอง
บางครั้งคุณตื่นขึ้นในตอนเช้าและคิดว่ามันจะเป็นยังไงถ้าคุณยังอยู่กับเขา
บันดาลใจจาก The Terrorizers โดย Edward Yang