Table of Contents
จากอนาล็อกสู่สตรีมมิ่งใครก็คิดว่า เครื่องเล่นแผ่นเสียงจะตายลงในไม่ช้า เวลาผ่านไปตลาด เครื่องเล่นแผ่นเสียง เติบโตขึ้นท่ามกลางกระแสดิจิตอล จนกลายเป็นยุคที่ผู้คนโหยหาเสียงจากจานเสียงอีกครั้ง เครื่องเล่นแผ่นเสียงยี่ห้อใหม่ รุ่นใหม่ๆ ผลิตออกมาขายมากขึ้น ในยุคของการเปลี่ยนแปลง แม้แต่เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ขายดีที่สุดอย่างเรก้า ก็มิได้การันตีว่าพวกเขาจะยืนอยู่ในโลกใหม่ได้ พวกเขาต้องการแนวทางใหม่ รีวิว Rega Planar 1 – RP1 ซึ่งเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นดั้งเดิมที่ขายดีได้ออกรุ่นใหม่สู่ท้องตลาด
Planar 1 ได้ออกวางจำหน่ายมาระยะหนึ่งแล้ว เป็นหนึ่งในตำนานเครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาประหยัด Rega รุ่น P1 เปิดตัวครั้งแรกในปี 2005 ออกแบบด้วยแผ่นไม้ MDF P1 ได้รับการอัพเกรดอีกครั้งในปี 2010 โดยเปลี่ยนแพลตเตอร์ (จานหมุน) เป็น Phenolic resin สุดท้ายการออกแบบเป็นเรื่องของการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เวอร์ชันล่าสุดนี้ มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก
เริ่มต้นด้วยโทนอาร์ม RB110 ใหม่ พร้อมตลับลูกปืนที่สร้างความแม่นยำมากขึ้นและการปรับ Bias adjustment อัตโนมัติ รวมทั้งการเซ็ตน้ำหนักหัวเข็ม และติดตั้งตำแหน่งหัวเข็มในอุดมคติจากโรงงานของเรกา หมายความว่าคุณสามารถตั้งค่าได้เร็วกว่าการลาออกของนายกรัฐมนตรีเสียอีก
1 โครงสร้างของเครื่องเล่นแผ่นเสียง Rega Planar 1
นโยบายการออกแบบของ Rega มีแง่มุมที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ Planar 1 รุ่นใหม่ จะต้องใช้งานง่าย เช่นเดียวกับ RP1 รุ่นเก่า ความเรียบง่ายได้กลายเป็นแนวคิดที่สุดขั้วของการออกแบบ หากเปรียบเทียบโครงสร้างเครื่องเล่นแผ่นเสียง RP1 รุ่นเก่า กับ Planar 1 รุ่นใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงในจุดต่างๆ มากมาย รวมถึง ตัวฐานของเครื่องเล่น มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งสวิตช์เปิด/ปิด เลื่อนจากด้านซ้ายบน มาอยู่ด้านล่างใต้แท่น
ตัวเครื่องมีสองสีให้เลือกคือสีขาว และสีดำ ด้วยสไตล์เรียบง่ายสะอาดตามากกว่า P1 รุ่นดั้งเดิม รูปทรงของตัวแท่นเพรียวบาง ทั้งสองสีดูแล้วสวยงามไม่แตกต่างกัน ผู้ที่ชื่นชอบการออกแบบด้วยเส้นสายที่เฉียบคม และความเรียบง่ายแต่ตรงตามหลักสรีรศาสตร์จะต้องประทับใจกับเทิร์นเทเบิลตัวนี้ แม้แต่จานหมุนก็มีความสูงกว่ารุ่นก่อน ส่วนมู่เล่ได้รับการปรับปรุงเพื่อความเสถียรของความเร็วที่ดีขึ้น
มีการเปลี่ยนแปลงโทนอาร์ม รุ่น RB110 ซึ่งได้รับการออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Planar 1 โทนอาร์มมีสลักความปลอดภัยใหม่ล่าสุดเพื่อจับอาร์มให้แน่นเมื่ออยู่บนแท่น สลักนี้ดีกว่ารุ่นเดิมทำให้เกิดความมั่นคงความแน่นหนา โทนอาร์มรุ่นใหม่ยังเอา Anti-skating ออกไป โดยเปลี่ยนไปใช้ระบบแม่เหล็กขั้วตรงข้ามเข้ามาแทน นี่ไม่ใช่แค่เพียงการประหยัดเวลาสำหรับการตั้งค่า แต่ยังช่วยทำให้โทนอาร์มดูสะอาดตา ไม่มีสายเอ็นกับลูกตะกั่วห้อยต่องแต่งดูน่าเกลียด หรือปุ่มเลื่อนปรับค่า
มีสิ่งเดียวสำหรับ Planar 1 ที่ดูขัดแย้งกับปรัชญาการออกแบบที่ต้องการให้ใช้งานง่าย นั่นคือการเปลี่ยนรอบการหมุนจาก 33 ⅓ เป็น 45 รอบต่อนาที ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนรอบการหมุน สิ่งแรกคือยกแพลตเตอร์ออก จากนั้นจะเห็นสายพานและจานหมุน การเปลี่ยนรอบหมุนต้องลดสายพานจากมูเล่อีกร่องหนึ่งไปร่องด้านล่าง จากนั้นก็ใส่แพลตเตอร์กลับมาเหมือนเก่า
การถอดระบบ Anti-skating ออกทั้งหมดยังช่วยขจัดความกังวลจากผู้เล่นมือใหม่ว่าจะตั้งค่าอย่างไร นอกจากนั้น การออกแบบอาร์มรุ่นใหม่ช่วยขจัดความปวดหัวในการตั้งค่าหัวเข็มให้ถูกต้อง
แน่นอนว่าเราทำบ่อยๆ คงคุ้นเคย แต่ทำไมเรกาไม่ใช้วิธีปรับสวิตส์ในการเปลี่ยนรอบหมุนของมอเตอร์ เรกาอาจจะคิดถูกเนื่องจากรอบหมุนของมอเตอร์มีผลต่อเสียง ขณะเดียวกัน Planar 1 เป็นเครื่องเล่นราคาประหยัด การเปลี่ยนมอเตอร์เพื่อให้เปลี่ยนรอบได้ก็จะทำให้ราคาสูงขึ้น นั่นอาจไปลดราคาส่วนประกอบอื่นๆ ให้ลงมาอีก การเปลี่ยนแปลงความเร็วอาจทำให้เกิดเสียงรบกวนในระบบ ซึ่งทำให้คุณภาพเสียงลดลงด้วย
นอกจากนี้ยังเปลี่ยนความสูงของก้านจับโทนอาร์มให้มีตำแหน่งที่สูงขึ้น หัวเข็ม The Rega Carbon cartridge ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน พร้อมแท่นหมุนระดับเริ่มต้นของ Rega ส่วนมอเตอร์ AC แบบซิงโครนัส 24v พร้อมพลูเล่อลูมิเนียม บริษัทเรกาอ้างว่ามอเตอร์มีเสียงรบกวนต่ำและมีเสถียรภาพด้านความเร็วที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน
ถ้าผู้อ่านยังอ่านถึงตรงนี้ กว่าที่เราจะได้เริ่มฟังแผ่นเสียงแผ่นแรก อาจจะต้องบอกว่าความดีงามทั้งหลายต้องมอบให้กับการตั้งหัวเข็มมาจากโรงงาน ไม่มีอะไรดีไปกว่าสิ่งนี้อีกแล้ว แน่นอนเรกาอ้างว่า Planar 1 เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงในแบบ Plug-in-and-play เสียบปลั๊กแล้วเล่นได้เลย แต่อย่าลืมต่อสายสัญญาณเข้ากับ Phono Stage ด้วยล่ะ จากนั้นคุณจะได้ฟังแผ่นเสียงแผ่นแรก และเริ่มเล่นแทรคแรกภายในไม่กี่นาทีหลังจากยกออกจากกล่อง
2 ทดสอบเสียง
ผู้ผลิตเครื่องเล่นแผ่นเสียงบางเจ้าอาจจะอธิบายว่าเครื่องเล่นแบบอนาล็อกมักจะมีโทนเสียงที่นุ่มนวล แต่สำหรับเรก้าแล้ว ผู้อ่านเชื่อได้เลยว่าไม่ เป็นแบบนั้น นอกจากนั้นเราอาจจะจัดให้ เรก้า Planar 1 เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่มีความเที่ยงตรงเครื่องหนึ่งในระดับราคาเดียวกัน คู่แข่งของเรกาอาจจะมองว่าความอบอุ่นของเสียงเป็นจุดขาย แต่สำหรับเรก้าพลังเสียงและความเที่ยงตรงเป็นจุดแข็ง
เมื่อใส่แผ่นเสียงลงไปในแพลตเตอร์ เริ่มเล่นเพลง I Wanna be Adored เครื่องเล่นแผ่นเสียง Planar 1 นั้นมีความสามารถมากกว่าสร้างเสียงเพื่อให้เราขยับศีรษะไปมากับวง Brit Pop ที่แสนจะกวนส้นเท้า การผสมผสานพลังและความแข็งแกร่งสะท้อนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จากแทรคนี้ของ The Stone Roses รวมถึงเพลงอื่นๆ ในอัลบัมนี้ทำให้บางทีต้องขยับกายไปมากับความมันเกินห้ามใจ
เครื่องเล่นแผ่นเสียงของเรก้ามีชี่อเสียงมานานในเรื่องความมีชีวิตชีวา เมื่อเปิดเพลงของ Madeleine Peytoux การกลับมาฟังเพลง Pop Jazz เหมือนได้กลับไปฟังเพื่อนเก่าร้องเพลง เสียงการดีดคอร์ตกีตาร์ในเพลงเปิดอย่าง Dance Me To the End Of Love สร้างสีสันดนตรีผสานความคึกคักๆ ได้อย่างเหลือเชื่อ
รายละเอียดของดนตรีที่ Planar 1แสดงออกมาไม่ใช่ระดับเริ่มต้น กีตาร์โปร่งให้เสียงที่กว้าง เสียงร้องในแนวเพลงของ Peyroux ก้องกังวาล ความแตกต่างในการรักษาแต่ละส่วนของดนตรีจะได้ยินชัดเจน แยกเสียงร้องให้โดดเด่นเหมือนเรากำลังมองม้าที่กำลังวิ่งไปในทุ่งหญ้าขนานไปกับหุบเขาเบื้องหลัง อาจเกินเลยไปบ้างแต่มันเป็นแบบนั้น เสียงของเรกาไม่คมแหลมเท่าซีดี ไม่ห้วนเท่าสตรีมมิ่งไฟล์ แต่ให้เสียงที่มีเร้นท์ที่กว้างกว่า คุณจะจับเสียงร้องได้อย่างมีตัวตน ขณะที่เสียงดนตรีก็ให้รายละเอียด
ความชำนาญในการนำเสนอเสียงดนตรีได้รับการทักทอให้เป็นเส้นใย ผสมผสานไปกับความแม่ยำของจังหวะ เสียงร้องของ Peyroux ที่ออกทุ้มขุ่นในลำคอเข้าด้วยกันกับดนตรีที่เล่นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ นั่นทำให้เราเห็นว่าเครื่องเล่นแผ่นเสียง และแผ่นเสียงมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ดนตรีอนาล็อกทำไมยังอยู่ได้
หลายคนอาจจะอดเปรียบเทียบเครื่องเล่นแผ่นเสียง เรก้า Planar 1 กับ เครื่องเล่นแผ่นเสียง Pro-Ject Primary E ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่มีเสียงเฉพาะตัวตัวหนึ่งของวงการ และเป็นเครื่องเล่นที่มี่สเปคหรือราคาใกล้เคียงกัน แต่เมื่อฟังแผ่นเสียงแผ่นเดียวกันเปรียบเทียบระหว่างสองเครื่อง Primary E ให้เสียงออกไปในทางอบอุ่นมากกว่า แต่เมื่อเปลี่ยนมาฟัง Planar 1 ทำให้เราเห็นว่า เสียงจาก Primary E เหมือนการซ้อม “วงดนตรี” มากกว่า
จังหวะเวลาของ Pro-Ject ไม่ได้ช้า แต่ Planar 1 สร้างขึ้นเพื่อให้ “ปรากฏ” ให้เห็น หากฟังแผ่นของ Julie London ชุด Lonely Girl ซึ่งเป็นแผ่นเสียงเก่า การบันทึกเสียงกีตาร์ของ อัล วิโอลา ในอดีต เมื่อเรากลับมาฟังในเวลานี้ สิ่งที่ค้นพบคือความเข้มข้นของแทร็คที่เข้ากันกับเสียงร้องอันนุ่มนวลของจูลี ความแม่นยํานั้นสามารถจับได้จากน้ำเสียง และในที่สุดเราก็สามารถได้ยินความแตกต่างระหว่างโน้ต
3 บทสรุป
ไม่มีการทดสอบใดที่ดีที่สุด ไม่มีผลิตภัณฑ์ใดๆ สุดยอดทุกประการตามอุดมคติ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่เราใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นต่างหากคือบทสรุป ในกรณีนี้ Planar 1 ยังคงเล่นแผ่นเสียงเพลงแล้วเพลงเล่า แผ่นแล้วแผ่นเล่า และพิสูจน์แล้วว่าสามารถหยิบ Wagner หรือ Betthoven มาฟัง ได้อย่างไม่เก้อเขิน เช่นเดียวกับ Miles, Coltrane หรือ Jarrett ได้กลายเป็นเพื่อนเก่าที่กลับมาบรรเลงใหม่อย่างมีชีวิตชีวา
ถ้าคุณสามารถหาเครื่องเล่นมือสองราคาถูกมาใช้ โดยเฉพาะ PR1 รุ่นเก่า มันดูยอดเยี่ยมและจะทำให้คุณประหยัดเงินได้หลายพันบาทเพื่อไปซื้อแผ่นเสียงมาเข้าในคอเลคชัน ในขณะเดียวกัน ถ้าคุณซื้อ Planar 1 รุ่นใหม่มาใช้ เครื่องเล่นแผ่นเสียงตัวนี้ไม่ใช่แค่เครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาประหยัด แต่เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาประหยัดที่ดีสุดเท่าที่หาได้ในท้องตลาด มันทำทุกอย่างที่ “เทิร์นเทเบิล” ราคาประหยัดจะสามารถทำได้และควรทำ
ในแง่หนึ่ง Planar 1 ได้ตั้งตัวเองเป็นมาตรฐาน เครื่องเล่นแผ่นเสียงงบประมาณจำกัดเครื่องอื่นๆ จะต้องพยายามดำเนินรอยตาม ตั้งแต่การติดตั้งไปจนถึงการเล่น Planar 1 ไม่ใช่แค่โดดเด่น แต่ยังเปลี่ยนธรรมชาติของตลาดในระดับนี้อีกด้วย จากการทดสอบมาหลายสัปดาห์ จากการผ่านเครื่องเล่นแผ่นเสียงมานับไม่ถ้วน ผมคงต้องยกให้เครื่องเล่นแผ่นเสียงตัวนี้ดีที่สุดเท่าที่คุณจ่ายเงินไปทุกบาท
The Review
Rega Planar 1
Rega Planar 1 เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาประหยัดที่พัฒนามาจากรุ่น RP1 ด้วยการออกแบบใหม่ ใช้งานง่าย ปรับปรุงโทนอาร์ม RB110 และคุณสมบัติเด่นมากมาย เสียงของมันแม่นยำและมีพลัง ทำให้โดดเด่นในตลาดเครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาประหยัด และเป็นมาตรฐานใหม่ในวงการ
PROS
- ออกแบบเรียบง่ายสวยงามมีหลายสีให้เลือก
- โทนอาร์ม RB110 แม่นยำ ปรับแต่งงาย
- ปลั๊กแอนด์เพลย์ ที่สุดสำหรับเครื่องเล่นแผ่นเสียงสำหรับทุกคน
- ราคาประหยัด
- คุณภาพเสียงดี
CONS
- ไม่สามารถเปลี่ยนสายสัญญาณ