Table of Contents
ในงานวรรณกรรม เรื่องราว นิยายกอธิค ยังเป็นงานที่หลาย ๆ คนเลือกจะเสพในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นภาพยนต์ หรือนิยาย บรรยากาศหลอน ๆ สถานที่ลึกลับ น่ากลัว หรือแม้กระทั่งการลุ้นตามไปกับตัวละคร ทั้งหมดนี้คือเสน่ห์ของงานกอธิคที่ทำให้คนสนใจ แม้งานกอธิคนั้นจะพูดถึงเรื่องความกลัว แต่ไม่ได้นำเสนอความกลัวในแบบเดียวกัน กอธิคบางเรื่องนำเสนอความกลัวโดยใช้ปราสาทเก่าแก่ ภูติผีปีศาจ บางเรื่องกล่าวชีวิตในชุมชน คนที่มีความผิดปกติทางจิต บทความนี้จึงจะเล่าความแตกต่างระหว่างกอธิคของอังกฤษ และกอธิคของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฉาก ธีม ตัวละคร และบรรยากาศของเรื่อง
1 นิยายกอธิค คืออะไร?
นิยายกอธิค เริ่มมีการเขียนที่ยุโรปตั้งแต่ยุคจินตนิยม (Romanticism) หรือช่วงศตวรรษที่ 18 เป็นยุคที่งานเขียนมุ่งโฟกัสกับอารมณ์ และความรู้สึก โดยนิยายกอธิคนั้นได้เน้นถึงความน่ากลัว สิ่งลึกลับที่หาที่มาที่ไปไม่ได้ หรือความไม่แน่นอนที่ตัวละครได้เจอ สิ่งที่เราเห็นได้ร่วมกันเกี่ยวกับนิยายกอธิคคือ พื้นที่ที่ห่างไกลเมือง หรือผู้คน เวลาที่ห่างจากปัจจุบัน ฉากตอนกลางคืน บรรยากาศที่วังเวงชวนหลอน หรือตัวละครผู้หญิงตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย ซึ่งงานกอธิคนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะ และสถาปัตยกรรมของยุคกลาง ไม่ว่าจะเป็นปราสาท โบสถ์ หรือคฤหาสน์ในพื้นที่รกร้าง ซึ่งจะกลายเป็นฉากสุดน่ากลัวในเรื่อง
2 นิยายกอธิคของอังกฤษ
นิยายกอธิคของอังกฤษ หรือ British Gothic เริ่มมีการเขียนตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 จนถึงต้นศตวรรษที่ 19 โดยจะมีบรรยากาศที่เน้นความลึกลับ มักมีองค์ประกอบเกี่ยวกับความกลัว สิ่งลี้ลับ บรรยากาศที่มืดมน และอาจมีเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาตร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพื่อให้เห็นภาพได้มากขึ้น เราจะพูดถึงลักษณะเด่นที่นิยายกอธิคของฝั่งอังกฤษที่มีร่วมกัน
ปราสาท คฤหาสน์ผีสิง เราได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจของนิยายกอธิคไปแล้วว่าเริ่มมาจากศิลปะ และสถาปัตยกรรมในช่วงยุคกลาง ดังนั้นปราสาทหลังโตที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว และคฤหาสน์เก่า ๆ จึงนำมาใช้เป็นฉากของนิยายได้บ่อย ๆ เพื่อให้เกิดความสะพรึงกลัว ความเก่าแก่ และความหม่นหมอง
สิ่งเหนือธรรมชาติ หากจะพูดถึงความเก่าแก่ และห่างไกลของสถานที่แล้ว สิ่งที่จะนึกถึงเป็นอันดับต่อมาคือ ภูติผีปีศาจ ที่อยู่ในสถานที่นั้น ซึ่งนิยายกอธิคของฝั่งอังกฤษนั้นมีตัวร้ายของเรื่องเป็นผี ปีศาจ หรือแม้กระทั่งแม่มดที่เป็นตัวร้ายในเรื่อง ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับตัวละครหลักที่มักจะเป็นผู้หญิงที่มักตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ไม่ว่าจะเป็น หญิงสาวที่ถูกขังในคุกใต้ดินอย่างโดดเดี่ยว เหยื่อผู้ใสซื่อบริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ หรืออาจจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังทำการทดลอง
คำสาป และความวิปริต เมื่อพูดถึงสิ่งผี ปีศาจแล้ว สิ่งที่มักจะอยู่คู่กันคือคำสาป และเวทมนต์ ซึ่งกอธิคของอังกฤษนั้นจะมีธีมของการใช้คำสาป หรือเวทมนต์ค่อนข้างมาก ซึ่งจะมีการสะท้อนความกลัวที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง หรือควบคุมได้
หมอกหนาทึบ และความหนาวเย็น บรรยากาศในนิยายกอธิคของอังกฤษ มันจะมีหมอกที่หนาทึบอยู่ในฉาก อากาศเย็น และท้องฟ้าที่มืดมน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบรรยากาศที่ตัวละครไม่สามารถควบคุมได้
ซึ่งลักษณะเด่นทั้งหมดนี้ถูกนำเสนอเป็นความกลัวภายนอก อยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ และสะท้อนเรื่องบาป หรือการลงโทษอีกด้วย
3 ตัวอย่างนิยายกอธิคของอังกฤษ
Frankenstein (1818) เขียนโดย Mary Shelly
เรื่องราวของนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อว่าวิคเตอร์ แฟรงเกนสไตล์ นักวิทยาศาสตร์ที่มีความสนใจด้านเคมี และไฟฟ้า ได้สร้างสิ่งที่มีชีวิตที่ประหลาด และขนาดใหญ่จากส่วนประกอบต่าง ๆ ของศพขึ้นมาอย่างลับ ๆ ในช่วงเวลากลางคืน จากนั้นสิ่งประหลาดที่เขาสร้างขึ้นก็กลับมาล้างแค้นเขา เพราะความเคียดแค้นที่ถูกนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างตัวเองขึ้นมาทิ้งอย่างโดดเดี่ยวในห้องทดลองอึมครึม
เราเห็นองค์ประกอบของกอธิคได้ชัดเจนในความโดดเดี่ยวของห้องทดลอง ความผิดบาปที่ตัวละครเริ่มตั้งคำถามจากการกระทำของตนเอง และการไล่ล่าของสิ่งมีชีวิตประหลาดที่ออกมาไล่ล่าคนที่สร้างตัวเองขึ้นมา
Rebecca (1938) เขียนโดย Daphne Du Maurier
เรื่องราวของตัวละครเอกที่เราไม่ทราบชื่อ แต่งงานกับแม็กซิม เดอ วินเทอร์ พ่อม่ายที่ร่ำรวย ทั้งสองย้ายไปที่คฤหาสน์แมนเดอร์เลย์ของเขา แต่จู่ ๆ รีเบคก้า ภรรยาเก่าของวินเทอร์ที่เสียชีวิตไปอย่างมีเงื่อนงำก็ปรากฏตัวขึ้น และตามหลอกหลอนทั้งคู่
องค์ประกอบในเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลจากผู้คน ตัวละครหญิงที่เผชิญความกดดันจากสิ่งลี้ลับที่ตามหลอกหลอนตนเอง และอดีตที่ยังคงมีอิทธิพลต่อตัวละคร สามารถสะท้อนความเป็นกอธิคอย่างชัดเจนในนิยายเรื่องนี้
Dracula (1897) เขียนโดย Bram Stoker
โจนาธาน ฮาร์เกอร์ ทนายชาวอังกฤษ เดินทางไปที่ทรานซิลเวเนีย เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของขุนนางที่มีชื่อว่า เคานต์แดร็กคูลา แต่เมื่อเขาไปถึงทรานซิลเวเนีย ชาวบ้านที่นั่นก็มีน่าทีหวาดกลัวเมื่อรู้ว่าจุดหมายของเขาคือ ปราสาทแดร็กคูลา
เราสามารถเห็นองค์ประกอบกอธิคในเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นฉากที่เป็นปราสาทราณสุดหลอนตั้งอยู่โดดเดี่ยวที่ชาวบ้านในระแวกนั้นต่างก็หวาดกลัว ความลึกลับเหนือธรรมชาติที่ตัวละครเอกจะได้พบเจอ การบุกรุกของสิ่งที่อยู่ภายนอก และบรรยากาศน่ากลัวที่มีอยู่ตลอดทั้งเรื่อง
4 นิยายกอธิคของอเมริกา
นิยายกอธิคอเมริกาได้รับอิทธิพลมาจากอังกฤษ ทำให้เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นเวลาไม่นาน โดยจะเน้นการเล่าถึงสิ่งที่เราพบได้ในชีวิตประจำวัน โฟกัสที่ความกลัวของสิ่งที่ไม่รู้ที่มาที่ไป บรรยากาศวังเวง และอาจมีการนำปัญหาทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านศาสนา ศีลธรรม การกดขี่ทางเพศ หรือการค้าทาสมาเล่าอยู่ด้วย โดยลักษณะร่วมที่จะพบได้ซ้ำ ๆ เช่น
ฉากที่ชนบท นิยายกอธิคของอเมริกาเริ่มมีการเขียนช่วงที่ขยายเขตแดนของอเมริกา ฉากที่นำมาเขียนนั้นจึงมันใช้ ฟาร์ม ชุมชน ชนบท หรือพื้นที่บ้านที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในชนบท แม้ฉากของกอธิคฝั่งอเมริกาจะดูเป็นพื้นที่ธรรมดา แต่ก็จะซ่อนบรรยากาศที่ไม่ชอบมาพากลอยู่ในบ้าน
เหยื่อของความรุนแรง ตัวละครที่ไม่ทราบที่มา ตัวเอกของนิยายแนวนี้นั้นมักจะเป็นคนธรรมดา ที่จะซ่อนความเจ็บปวด หรืออาการผิดปกติไว้ในใจ และต้องเผชิญหน้ากับตัวร้ายของกอธิคอเมริกาที่เป็นตัวละครที่เราไม่ทราบที่มาที่ไป ไม่ทราบจุดประสงค์ และไม่ทราบเหตุผลของการกระทำที่ได้ทำลงไป ซึ่งจะทำให้ตัวละครหลักเกิดความกลัว เช่น นิยายเรื่อง Wieland ของ ชาร์ลส์ บร็อคเดน บราวน์ ตัวร้ายเข้ามาอาศัยในบ้านของตัวละครหลัก จะชักจูงในเกิดการฆาตกรรมภายในบ้าน สุดท้ายก็หายตัวไปในตอนจบ โดยที่ผู้อ่านไม่รู้ถึงเจตนาที่เขาเข้ามาในบ้านหลังนี้
ความวิปริตในสังคม นิยายกอธิคของอเมริกานั้นเริ่มมาจากการตั้งคำถามในสังคม ศาสนา ศีลธรรม และเขตแดนของประเทศ ดังนั้นในงานของอเมริกาเราจะพบตัวละครที่เป็นคนคลั่งศาสนาได้บ่อยครั้ง หรืออาจเป็นคนที่จิตไม่ปกติ ซึ่งตัวละครเหล่านี้เป็นตัวแทนของความไม่แน่นอนของสังคมที่ไม่รู้จะต้องเป็นไปในทิศทางไหน
บรรยากาศวังเวง เราได้พูดถึงฉากที่เป็นบ้านธรรมดา ที่มีความรู้สึกวังเวงกันไปแล้ว บรรยากาศวังเวง กดดัน และความนิ่งเฉยของผู้คน ทั้งหมดนี้สามารถสร้างความน่ากลัว และความหลอนโดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งผี หรือปีศาจ บรรยากาศแบบนี้จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกกังวลใจโดยที่ไม่ทราบที่มาได้
เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่านิยายกอธิคของอเมริกานั้น เน้นการสร้างความกลัวจากสิ่งใกล้ตัวที่ทำให้เรารู้สึกว่าความน่ากลัวนั้นอยู่ในชีวิตประจำวันที่เราพบเจอ เป็นการพูดถึงความกลัวภายในจิตใจของเราเอง อีกทั้งความกลัวที่ไม่ทราบที่มาของอเมริกันกอธิคยังเป็นการตั้งคำถามต่อประเทศที่เพิ่งสร้างของตนอีกด้วย
5 ตัวอย่างนิยายกอธิคของอเมริกา
The Fall of the House of Usher (1839) เขียนโดย Edgar Allan Poe
เรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินทางไปที่คฤหาสน์ของเพื่อนสนิทสมัยเด็ก โรเดอริค อัชเชอร์ และได้รู้ว่าเขามีฝาแฝดที่กำลังป่วยอยู่ แต่ไม่นานนักเธอก็ได้เสียชีวิตลง และปรากฏตัวอีกครั้ง หลังจากเสียชีวิตไปไม่นาน
เราเห็นความกอธิคในนิยายเรื่องนี้ได้โดยตัวละครเดินทางไปสถานที่ที่ห่างไกล คฤหาสน์อัชเชอร์ที่มีความโทรมของสิ่งปลูกสร้าง ตัวละครที่มีอาการป่วยด้วยโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ ตัวละครอย่างโรเดอริค อัชเชอร์ที่มีความบอบบางทางจิตใจ ความกดดันจากบรรยากาศในบ้านที่สร้างความไม่สบายใจให้แก่ผู้อ่าน
The Yellow Wallpaper (1892) เขียนโดย Charlotte Perkins Gilman
เรื่องราวของตัวละครหลักที่มีภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ไปพักที่บ้านเช่าหลังหนึ่งกับจอห์น สามีที่มีอาชีพเป็นหมอของเธอ ในช่วงฤดูร้อนเพื่อหวังให้เธอฟื้นตัว แต่เธอรู้ว่าบ้านหลังนั้นมีอะไรแปลกๆ เมื่อปรึกษากับสามี เขาไม่ได้ฟังอาการของเธอ ปฏิบัติกับเธอเหมือนเด็ก จากนั้นเธอก็ถูกย้ายไปอยู่ในห้องเด็กที่ติดวอลเปเปอร์สีเหลืองที่เธอเชื่อว่ามีคนอยู่ข้างใน จนในที่สุดเธอก็หมกมุ่นอยู่กับมัน
นิยายเรื่องนี้มีความเป็นอเมริกันกอธิคอย่างเห็นได้ชัด โดยเรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองที่ไม่น่าเชื่อถือจากตัวละครที่จิตใจไม่ปกติตั้งแต่เริ่มต้น และพบเจอกับเหตุการณ์แปลก ๆ ภายในห้องที่ตัวเองอยู่ อีกทั้งตัวละครในเรื่องยังเป็นเหยื่อจากการถูกควบคุมโดยสามีตัวเองอีกด้วย
The Legend of Sleepy Hollow(1820) เขียนโดย Washington Irving
เรื่องสั้นที่เล่าเรื่องราวของอิคาบอด เครน คุณครูที่อาศัยอยู่ที่สลีปปี้ฮอลโลว์ ผู้ที่เชื่อเรื่องผีสิ่งลี้ลับอย่างมาก และเขารู้สึกสนใจเรื่องราวของชายไร้หัวขี่ม้าค่อนข้างมาก คืนหนึ่งระหว่างทางกลับบ้านเขาได้เจอกับชายไร้หัวที่ขี่ม้าที่อยู่ในตำนานสิ่งลี้ลับที่เขาชอบ และหลังจากคืนนั้นเขาก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
นิยายเรื่องนี้มีฉากที่อยู่ในชนบทที่เงียบสงบ และแยกตัวออกมาจากที่อื่นๆ สิ่งลึกลับที่ไม่สามารถทราบที่มาได้ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความหวาดระแวง และความกลัวที่ค่อย ๆ สะสม และกัดกินจิตใจของตัวละครเอกอย่างอิคาบอด เครน ความสับสนของตำนานที่ตัวละครชอบ และความเป็นจริงที่กำลังพบเจอ
6 เลือกอ่านแบบไหนดี?
เราได้พูดถึงนิยายกอธิคทั้งฝั่งอังกฤษ และอเมริกาไปกันแล้ว ซึ่งเราก็เห็นความเหมือนที่ใช้บรรยากาศมืดมน ความลึกลับ และความกลัวเป็นแกนของเรื่อง และความแตกต่างของเรื่องได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ใช้ ตัวละคร หรือตัวร้ายของเรื่อง แม้นิยายแนวนี้จนมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่หลายร้อยปีที่แล้ว แต่ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน และถ้าเรารู้ว่าตัวเราที่เป็นผู้อ่านชอบแบบไหน เราก็จะสามารถเลือกเสพงานที่เราชอบได้ง่ายมากขึ้นยิ่งขึ้น
ภาพรวมความสนุกของนิยายกอธิคของฝั่งอังกฤษนั้นจะเต็มไปด้วยบรรยากาศอึกครึม บ้านผีสิง หรือคฤหาสน์หลังใหญ่โต ที่มีวิญญาณตามหลอกหลอนผู้คนที่เข้าใกล้ หรือผ่านไปมา สนุกไปกับเวทมนต์ คำสาป และสิ่งลี้ลับได้ สะท้อนความรู้สึกขัดแย้ง และความรู้สึกผิดบาปในเรื่องราว ในขณะที่ฝั่งอเมริกาจะพาสำรวจชีวิตธรรมดา ฉากชนบท ชีวิตประจำวันที่ซุกซ่อนด้วยบรรยากาศวังเวง อึดอัด ไม่พึ่งผีเพื่อสร้างความกลัว สะท้อนความกลัวภายใน จมลงไปกับความไม่แน่นอน การตั้งคำถาม การสำรวจจิตใจของมนุษย์ และสังคมอเมริกา
ไม่ว่าจะบรรยากาศลึกลับที่พาเรากลับไปสู่ปราสาท และอดีตที่ตามหลอกหลอนของอังกฤษ หรือบรรยากาศชีวิตประจำวัน ที่ซ่อนความตึงเครียดไว้ใต้ความสงบสุขของอเมริกา ทั้งสองก็มีเสน่ห์เป็นของตัวเอง เรื่องราวกอธิคที่ให้ผู้อ่านรู้สึกถึงบรรยากาศไปพร้อมกับตัวละคร ความกลัวที่เกิดขึ้นอาจไม่เหมือนกัน หากผู้อ่านรู้สึกว่าแบบใดแบบหนึ่งสะท้อนสิ่งที่ตนชอบก็อาจเลือกแนวที่ตรงใจได้ หรือหากรู้สึกว่าทั้งสองน่าสนใจไม่แพ้กันก็ไม่จำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง และสนุกไปกับนิยายกอธิคทั้งสองแบบได้
7 References
- Campbell, Carola, Mander, & Gabrielle. (2025). Rebecca. In Encyclopedia Britannica. https://www.britannica.com/topic/Rebecca-novel
- Ferguson, J. (2018). LibGuides: The rise of Gothic fiction in England & the United States: American Gothic fiction: 1902-1923. https://researchguides.library.tufts.edu/c.php?g=824030&p=5926885
- Gamer, M. (2020). Gothic Literature. Mary Wollstonecraft in Context. https://doi.org/10.1017/9781108261067.034
- Lohnes, & Kate. (2025). Dracula. In Encyclopedia Britannica. https://www.britannica.com/topic/Dracula-novel
- Shulman, & Dylan. (2025). Frankenstein; Or, The Modern Prometheus. In Encyclopedia Britannica.
- Vaia. (n.d.-a). Gothic Novel (Explanation). Retrieved April 10, 2025, from https://app.vaia.com/studyset/5668877/summary/36544944
- Vaia. (n.d.-b). American Gothic (Explanation). Retrieved April 10, 2025, from https://app.vaia.com/studyset/6650724/summary/40568849
- Vizuette, J. (2022, May 10). Gothic elements in The Fall of the House of Usher. Arcadia. https://www.byarcadia.org/post/gothic-elements-in-the-fall-of-the-house-of-usher
- (N.d.-a). Gothic Literature | Characteristics, Elements & Examples. Retrieved April 9, 2025, from https://study.com/academy/lesson/gothic-novels-characteristics-examples.html
- (N.d.-b). Masterclass.com. Retrieved April 9, 2025, from https://www.masterclass.com/articles/gothic-fiction
- (N.d.-c). Poe’s Short Stories “The Fall of the House of Usher” (1839). Retrieved April 10, 2025, from https://www.sparknotes.com/lit/poestories/section3/
- (N.d.-d). The Legend of Sleepy Hollow Full Plot Summary. Retrieved April 10, 2025, from https://www.sparknotes.com/short-stories/the-legend-of-sleepy-hollow/summary/
- (N.d.-e). The Yellow Wallpaper. Retrieved April 10, 2025, from https://www.sparknotes.com/lit/yellowwallpaper/
- (N.d.-f). Gothic Elements in Frankenstein | Overview & Genre. Retrieved April 10, 2025, from https://study.com/academy/lesson/gothic-elements-in-frankenstein.html