เรื่องสั้น ภาพเหมือนของแม่ เขียนโดย นิวัต พุทธประสาท เขียนเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2538 ตีพิมพ์ครั้งแรกใน รวมเรื่องสั้น “วิสัยทัศน์แห่งปรารถนาและความตาย” ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกของนิวัต ที่ได้ตีพิมพ์เป็นรูปเล่มพ็อกเก็ตบุ๊ก โดยแพรวสำนักพิมพ์ พิมพ์ครั้งแรก เมื่อปี 2539
พระกำลังเดินฝ่าความมืดเข้ามาแล้ว พอถึงด้านในศาลา พระสี่รูปค่อยๆ ถลกจีวรอย่างสุภาพขึ้นนั่งบนซีเมนต์ยกพื้นสูงราวครึ่งเมตร พระนั่งเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ กลิ่นธูปหืนๆ โชยมาตามลม ฉันอยากจะอาเจียนความโง่งั่งที่บรรจุอยู่ภายในหัวของฉันออกมาให้หมด ผู้หญิงทั้งโลกต้องมาแบกภาระกับงานและโชคชะตาที่ถูกร่วมสังวาสทางเพศโดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหรือไร เราสองแม่ลูกจากกันแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราเสมือนหนึ่งเรื่องเล่าธรรมดาสามัญที่แสนน่าเบื่อหน่าย ชีวิตของผู้หญิงสองคนกับความฉ้อฉลไร้ยางอายกำลังจบสิ้นลง
วิญญาณของแม่คงลอยไปไกล แต่มีคนบอกว่า สามวันแรกวิญญาณจะหวนกลับบ้านเสมอ วนเวียนอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน เข้ามาข้างในไม่ได้ เพราะมีเจ้าที่คอยปกปักรักษา ฉันไม่ใช่คนหัวโบราณที่จะเชื่อเรื่องเหล่านี้ แต่ฉันอยากพบวิญญาณของแม่ ทว่าคืนแรกผ่านไป การเฝ้ารอครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เป็นผล ดูเหมือนว่ามีเพียงเสียงของลมโชยมาเบาๆ เสียงสายลมกระซิบจนหูอื้อ ฉันนอนอยู่เพียงเดียวดาย แม่ไม่ยอมมาหาฉัน แม่คงจะโกรธฉัน วิญญาณของแม่ไปสิงสถิตอยู่แห่งใดฉันไม่รู้ ฉันอยากให้แม่ให้อภัยฉัน แต่แม่ไม่มา…
ฉันคิดถึงแม่ในวันที่แม่พาฉันไปทะเล เราไปกันตามลำพังสองคน นานมากแล้วที่เราไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน พอฉันเริ่มโตเป็นสาว ความผูกพันระหว่างเราไม่อยู่ในสภาพเดิม ฉันเรียนจบแค่ประถมหก แม่อยากให้ฉันเรียนต่อออกไปอีกสีกสามปี แต่เราไม่มีเงินมากพอ ชีวิตของเราทุกข์ทน ฐานะของแม่ลำบาก แค่พอยังชีพไปวันๆ แม่มีอายุมากขึ้น นั่นทำให้แม่หาเงินจากงานที่ทำอยู่ได้น้อยลง พวกเด็กสาวแย่งผู้ชายไปจากแม่เกือบหมด เราขาดแคลนเงิน มันเป็นเรื่องจำเป็น บางทีคนรวยอาจจะคิดว่าเงินจำนวนสองร้อยสามร้อยไม่มีค่างวด แต่สำหรับเรามันมีค่าไปตลอดสัปดาห์ เราต่อสู้กับแรงกดดันเพียงลำพัง เราต้องต่อสู้กับผู้ชายหลายประเภทในคืนคืนหนึ่ง ผู้ชายพวกนี้ต้องการให้แม่เอาอกเอาใจ ต้องการให้แม่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาปรารถนา พวกเขาชอบการได้ยินเสียงลามกออกมาจากปากผู้หญิง แม่ไม่อยากให้ฉันไปที่นั่น แม่ไม่อยากให้ฉันทำงานเช่นที่แม่ทำอยู่ แต่ฉันไม่มีทางเลือก
ฉันเกิดมาไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ แม่บอกว่าเรื่องของฉันมันเกิดขึ้นมานานแล้ว นานเกินกว่าที่แม่จะระลึกถึงได้ แม่อยากให้เรื่องนี้จบลงไป ขอให้ฉันเข้าใจว่าแม่รักฉันก็เพียงพอแล้ว ฉันเริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 12 ขวบ ฉันเร่ขายพวงมาลัยตามสี่แยก แม่สกัดกั้นฉันทุกวิถีทางที่จะไม่ให้ฉันเจริญรอยตาม แม่เป็นห่วงฉันมาก รักฉันราวกับฉันเป็นนางฟ้าตัวน้อย แม่เป็นผู้หญิงสวย รูปร่างดี ผิวออกสีน้ำผึ้ง ดวงตาของแม่ดำขลับ ปากของแม่เรียวบาง เวลาแม่ยิ้มแลดูสดใสและร่าเริง แต่แม่ไม่ค่อยยิ้มบ่อยนัก เมื่อฉันอยู่ใกล้แม่ ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่น แม่พูดจาไพเราะกิริยาท่าทางอ่อนหวาน ไม่เคยเลยสักครั้งที่แม่จะพูดจาดุด่าว่าใคร ใครๆ ก็ว่าเป็นผู้หญิงใจอ่อน ยอมคนง่าย แต่ฉันกลับไม่คิดเช่นนั้น แม่เป็นคนใจดีต่างหาก แม่น่าจะเกิดในตระกูลที่ดี ทว่ามันเป็นแค่ความเพ้อฝันสำหรับเด็กอย่างฉัน
ฉันถูกเลี้ยงมาอย่างดีด้วยความรักของแม่ แม่สอนฉันในเรื่องศีลธรรม แม่เป็นคนที่เคร่งศาสนา ตักบาตรทำบุญ และอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่นอยู่เสมอ แม้เราจะขาดแคลน แต่แม่ไม่เคยขาดเรื่องเหล่านี้ เราไม่มีอะไรจะบริจาคมากมาย มีเพียงข้าวกับอาหารคาวอย่างสองอย่าง แม่สอนให้ฉันรู้จักความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เพื่อบุญกุศลที่ทำจะได้สนองตอบแก่ตัวเอง แม่เชื่อว่าคนเราทำดีย่อมที่จะได้ดี แม่บอกว่าชาติก่อนแม่คงทำกรรมมามาก ชาตินี้จึงลำบาก แม่เชื่อเรื่องพวกนี้มากจนฉันเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร วันข้างหน้าไม่รู้ว่าเป็นเช่นไร สิ่งเหล่านี้อาจจะช่วยเราได้ เราต้องให้อะไรแก่ผู้อื่นก่อนถ้าเราปรารถนาสิ่งตอบแทนจากเขา ฉันเองรู้สึกอึดอัดที่แม่คิดเช่นนี้ เรายากจนและต้องทำงานหนัก แต่กลับต้องมาทำบุญบริจาคเงินให้แก่เครื่องนำทางแห่งจิตวิญญาณ ในฐานะตัวแทนของศาสนา ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แม่ยืนยันคำตอบเดิม “ถ้าแม่ไม่มีเงิน แม่สามารถบริจาคผ้าชิ้นสุดท้ายแก่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ขอให้แม่ได้ทำความดีก็เพียงพอแล้ว” แม่รู้สึกสบายใจเมื่อแม่อยู่ในบุญของแม่ ฉันไม่อยากคัดค้านและไม่อยากจะเถียงแม่อีก แม่รู้สึกสบายใจที่ทำเช่นนี้ ตอนหลังฉันเพิ่งเข้าใจว่าทำไมแม่ถึงทำเช่นนี้
เมื่อนึกถึงครั้งที่เราไปเที่ยวทะเล ฉันกำลังโตเป็นสาว ร่างกายเริ่มใหญ่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของฉันเปลี่ยนไป ร่างกายดูหนา ท่อนแขนเทอะทะ ฉันเกลียดความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มาก ยิ่งดูตัวเองในเงากระจก ช่างอัปลักษณ์เหลือเกิน ทำอะไรก็ดูเก้งก้างเกะกะ ยิ่งตอนประจำเดือนมา ฉันตกใจและเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ฉันไม่ใช่เด็กอีกต่อไป เพื่อนของฉันบอกว่าเมนส์มาเมื่อไหร่เมื่อนั้นฉันก็จะเป็นสาว คราบของเด็กน้อยวัยร่าเริงหายไป กลายเป็นนางสาวผู้น่าเกลียด ตอนที่ฉันมีประจำเดือนครั้งแรก ฉันไม่สบายมีไข้ขึ้นสูง แม่หยุดงานมาดูแล แม่เป็นห่วงฉันมาก ฉันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่แม่มี ฉันมีค่าเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง
เราไปเที่ยวทะเลเมื่อฉันหายไข้ นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล เส้นขอบฟ้าจรดผืนน้ำ หาดทรายสีน้ำตาลอ่อน และผู้คนที่กำลังสนุกกับน้ำทะเล ฉันหลงรักทะเลตั้งแต่นั้น ฉันรักเสียงคลื่น รักลมซ่อนกลิ่นพิเศษน่าพิศวง ฉันสนุกกับแดดจนตัวดำ และฉันได้พบกับโลกใบใหม่ที่ไม่เคยเจอ
แต่แล้ววัยสาวของฉันฝากเอาไว้ที่ทะเล มันช่างรวดเร็วราวกับพายุในเดือนตุลาที่ผ่านมาแล้วจากไป ทว่าฉันไม่เคยเสียใจเลย ฉันนึกอยู่เสมอว่าฉันจะมีอนาคตอะไรดีกว่านี้อีก บ้านไม้หลังเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันน่าคลื่นเหียน อาชญากรรม ยาเสพติด แบะความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้นไม่เว้นวาย สภาพแวดล้อมเช่นนี้มีแต่จะฉุดให้ฉันเขวออกไปจากสิ่งที่แม่หวัง ฉันไม่สามารถเร่ขายพวงมาลัยตามสี่แยกได้อีก แม้แม่พยายามฉุดรั้งฉันออกห่างจากโคลนตม แต่แม่ห้ามฉันไม่ได้ วัยสาวของฉันรุนแรงยิ่งกว่าเกลียวคลื่น ฉันจะไม่ยอมงอมืองอเท้าปล่อยให้ความข้นแค้นรุกไล่เราเป็นอันขาด
ฉันเริ่มทำงานในบาร์ ในบาร์มีสิ่งมีสิ่งที่น่าตื่นเต้นหลายอย่างที่เด็กสาวอย่างฉันไม่เคยพบ มีการเต้นโชว์ระบำเปลื้องผ้า ผู้ชายหลายคนแก้ผ้าอยู่บนเวทีพร้อมกับหญิงสาว พวกเขาแสดงลีลารักต่อกัน ต่อหน้าคนแปลกหน้า เจ้าของบาร์ให้ฉันทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม เขาอบรมฉันว่าอย่าปัดป้องการลวนลามของแขก พยายามนิ่งเฉย อย่าโวยวาย และยิ้มเอาไว้ ฉันพยักหน้ารับ และเริ่มต้นเรียนรู้วิธีการต่างๆ
เจ้าของบาร์เป็นผู้ชายวัยกลางคน หน้าตาสะอาดสะอ้าน เชื้อจีนลูกครึ่งไทย เขาออกจะผอม ไม่สูงนัก เขาเป็นคนอัธยาศัยดี พูดเร็วติดสำเนียงภาษาจีนเล็กน้อย ฉันทำงานวันแรกก็ถูกลวนลามจากแขกขี้เมากลุ่มหนึ่ง ทั้งคำพูดจาสองแง่สองง่ามไม่พ้นเรื่องใต้สะดือและเรื่องบนเตียง พวกนี้มือไวยิ่งนัก คว้าต้นขา หน้าอก และก้นของฉันอย่างรวดเร็ว ฉันรู้สึกโกรธ แต่ต้องข่มใจเอาไว้ แม้อยากจะใช้ถาดเบียร์ขยี้หน้าพวกมันเท่าใดก็ต้องทำใจ หลังบาร์เลิกขณะที่ฉันกำลังเก็บกวาดโต๊ะ เจ้าของบาร์เดินมาหาฉัน เขาพูดว่า “ผู้หญิงอย่างเธอไม่น่ามาเสิร์ฟเบียร์ อย่างเธอน่าจะได้ขึ้นไปอยู่บนเวที” เขาพูดแล้วก็หลบไปหลังร้าน ฉันรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เขาต้องการดูร่างกายเปลือยเปล่าของฉัน
นางระบำเปลื้องผ้าได้ทริปจากลูกค้ามากกว่าพนักงานเสิร์ฟหลายเท่า แต่ฉันไม่เล่นด้วยหรอก รูปร่างของฉันไม่ค่อยดี ฉันอ้วนเกินไป ไขมันตรงหน้าท้องมันใหญ่ไปหน่อย เวลานั่งจะเห็นชั้นไขมันได้ชัดเจน และที่สำคัญฉันไม่กล้าพอที่จะเปลือยร่างกายบนเวที ฉันอาย ถ้าแม่รู้คงเสียใจ แค่ฉันมาเป็นพนักงานที่บาร์แม่ยังเป็นห่วงฉันยกใหญ่ ทว่าฉันจะไม่ยอมจมปลักอยู่กับสลัมที่เราอยู่หรอก ถ้ามีช่องทางมากพอฉันคงขยับขยายไปจากที่นี่ แม่ควรจะมีชีวิตอยู่ที่ดีกว่านี้ ความสะดวกสบาย ความสงบสุขในบั้นปลายชีวิตแม่ยังไม่เคยพบมัน ทุกวันนี้แม่ยังแบกสังขารไปรับแขก บางครั้งฉันรู้สึกรังเกียจแม่ แม่นอนกับผู้ชายทุกคนที่เขาปรารถนา แม่ไม่เคยปฏิเสธ ไม่ว่าจะเป็นขอทาน กรรมกร คนขับรถแท็กซี่ หรือไม่ก็ตาเฒ่าตัณหาจัด คนพวกนี้ไม่ชอบการใช้ถุงยาง พวกเขาเอาแต่ได้ นำโรคภัยมาสู่เราเสมอ ฉันอยากให้แม่เลิกเป็นโสเภณี ฉันจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ฉันเองไม่เคยคิด เพื่อแม่จะได้เลิกอาชีพบ้าๆ ที่หาเลี้ยงฉันนั่นเสียที
จุดแตกหักระหว่างเราเริ่มต้นที่ตรงนี้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ฉันบอกไม่ได้
เช้าวันถัดมา ฉันนอนอยู่บนฟูกเก่าๆ ลมหนาวเดินทางมาถึงแล้ว แสงแดดอ่อนโยนทแยงเป็นเส้นตรงตกกระทบพื้น ร่างของแม่เดินมาหาฉันเป็นเงาดำมัวๆ กระทั่งแม่แหวกมุ้งเข้ามา แม่ยิ้ม รอยยิ้มของแม่อ่อนโยน แม่ถามถึงงานในบาร์ ฉันตอบไปตรงๆ ว่าพอจะไปได้ เป็นงานที่ไม่หนักหนาอะไร เพียงถูกลวนลามบ้างจากแขก ซึ่งฉันบอกแม่ว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่น่าเป็นห่วง แม่ค่อยๆทรุดกายลงข้างกายของฉัน แม่กอดฉัน ฉันรู้ว่าแม่อยากจะร้องไห้ แต่แม่กลั้นสะอื้นเอาไว้ ฉันเรียนมาไม่มาก งานที่ทำเงินได้ดีๆ ก็มีอยู่เท่านี้ งานในออฟฟิศน่ะหรือ ฉันไม่สนหรอก
แม่เริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ บางครั้งแม่ไม่ไปที่บ้านโคมชมพู บางคืนแม่ไอจนไม่ได้หลับ ฉันคะยั้นคะยอให้แม่ไปหาหมอ แต่แม่ปฏิเสธ ไม่เห็นมีความจำเป็นเลย เดี๋ยวก็หาย แม่ไม่ชอบหมอ แม่เป็นคนอย่างนี้เอง บางอย่างของแม่เหมือนกับฉัน คือ เป็นคนหัวแข็ง มุ่งมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิดและไม่ยอมแพ้กับอุปสรรค แม่เป็นผู้หญิงที่หยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่ว่าจะถูกดูแคลนว่าทำงานต่ำๆ เป็นกะหรี่ เป็นผู้หญิงหากิน และไร้ยางอาย แม่ไม่เคยสนคำพูดเหล่านั้น แม่บอกว่า แม่ไม่เคยทำผิดกฎหมาย หาเลี้ยงตัวเองลูกด้วยลำแข้ง ไม่เคยขอใครกิน ไม่คดโกง และทำบุญอุทิศส่วนกุศลเสมอ ไม่เคยมีใครเดือดร้อนเพราะแม่ แม่มักจะพูดเสียงแข็ง ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมแม่คิดเช่นนั้น แม่ละเมิดศีลข้อสามที่ว่า กาเมสุมิจฉา…(อะไรทำนองนั้น) มันดูขัดแย้งอย่างไรชอบกล ทว่าฉันมาเข้าใจหลังจากที่แม่ตายไปแล้ว
บางทีมนุษย์ก็มีอะไรที่เข้าใจยาก ซึ่งฉันไม่รู้ว่าหนทางชีวิตจะได้พบกับอะไรบ้าง หายนะหรือประสบโชคดี มนุษย์กำเนิดมาพร้อมกับความผิดแผกแตกต่าง ผสมผสานความขัดแย้งที่หาข้อยุติไม่ได้ จนกว่าจะทำความเข้าใจกับโลกที่แตกต่างกันมากขึ้น บางทีฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น บางทีฉันไม่เข้าใจต่อการดำรงอยู่ และปวดหัวกับการสูญสลายลาจาก
แม่กลับมาหายเป็นปกติอีกครั้งราวกับไม่เคยป่วยอีกเลย แข็งแรงขึ้น กินได้มากกว่าปกติเมื่อได้พักงานสักสี่ห้าวัน ทว่าหลังจากหายแม่ออกไปทำงานของแม่อีก ตอนนั้นฉันได้ตกลงใจแล้วว่าจะไปเป็นนางระบำเปลื้องผ้าที่บาร์ มันไม่มีประโยชน์อันใดที่จะจมปลักอยู่กับงานเสิร์ฟ และถูกลวนลามสารพัดโดยปราศจากผลตอบแทน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนหวาน ไม่ได้เกิดในตระกูลที่ดี ต้องหาเลี้ยงชีพตั้งแต่เด็ก โดยปราศจากการดูแลจากรัฐบาล ฉันพยายามเป็นลูกที่ดีที่แม่รัก แม้สิ่งที่ฉันตัดสินใจลงไปจะทำให้แม่ไม่เห็นด้วย เราต่างยืนอยู่บนจุดเดียวกัน ทว่าต่างสถานะทางเวลา กาลเวลาของ พ.ศ. นี้ได้กำหนดบทบาทคุณค่าความเป็นมนุษย์เปรียบดังเครื่องจักร คนที่ทำงานเท่านั้นจึงจะมีชีวิตอยู่ แม้งานนั้นจะต้องใช้ร่างกายดุจดังต้นทุนที่จ่ายไป ใช่…จุดเริ่มต้นระหว่างเราทำให้ฉันแปลกใจตัวเองเป็นอย่างมาก ชีวิตจริงๆ ไม่ได้สุกสกาวราวกับนิยาย วันหนึ่งในฤดูหนาวที่มักมาเยือนโดยไม่รู้ตัว ทำให้ฉันคิดว่า ฉันคือใบไม้ใบหนึ่งที่หลุดร่วงจากขั้ว รอเวลาผลิใบใหม่ให้แก่ต้น ฉันเป็นใบไม้ ชีวิตใหม่ของฉันคือ นางระบำเปลื้องผ้า ต่อหน้าผู้ชมที่กระหายใคร่ในการมองเห็นด้านในของหญิงสาว ความงดงามของร่างกายที่ปรากฏตัณหาราคะที่ประกายเจิดจรัสอยู่ในห้วงความคิดกำหนัดที่ไม่มีใครกำหนด และพวกเขาได้มาปลดปล่อยที่บาร์ซอมซ่อแห่งนี้ เจ้าของบาร์หานิยามชวนเชื่อแก่ฉัน สิ่งที่พวกฉันปฏิบัติอยู่นี้คืออะไร มันไม่ใช่อย่างที่พวกฉันคิด เขาบอกว่าพวกฉันคือศิลปินอันดับต้นๆ ที่กำลังท้าทายความดีงามของสังคมโฉด ฉันไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดหรอก แต่ฉันก็ฮึกเฮิมต่อพลังลึกลับภายในร่างกาย เขาชอบใช้คำพูดหรูหรา อ่อนหวานกับพวกนางระบำ พวกเรารู้ว่าเขาใช้คำหว่านล้อมได้ดีเพียงไร ฉันทึ่งกับวิธีพูดของเขา มันคล้ายกลไกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ฉันอยากให้แม่พูดเช่นนี้บ้าง แต่แม่ไม่สามารถชักจูงให้ฉันเชื่อในสิ่งที่แม่ไม่พึงปรารถนา หรือว่าแม่แก่เกินไปแล้ว
จงระวังคำพูดอ่อนหวาน แม่เตือนฉันเช่นนั้น ระวังคำที่ชมเชย และอย่าหลงรักความฉาบฉวย จงเข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ปฏิเสธความอารี ถ้าฉันยังปรารถนาเดินบนเส้นทางสายนี้ จากที่แม่เคยห้ามปราม กลับเป็นแนะนำสั่งสอน ฉันดื้อแพ่งจนกระทั่งได้เดินทางมาถึงเส้นทางที่อยู่ปลายขอบเหว แม่กลายมาเป็นพี่เลี้ยงแสนดี คอยเป็นห่วงและถามทุกข์สุข แม่กลัวฉันจะจมอยู่ที่บาร์อันน่ารังเกียจ หลงแสงสีที่ฉูดฉาดและหลงเสน่ห์กับเงินจนเกินไป ซึ่งก็จริงอย่างที่แม่พูด เงินมีความหมายต่อการดำรงชีพ แต่ฉันไม่ต้องการมีชีวิตในสลัมตลอดไป ฉันต้องการบ้านจัดสรรสักหลัง หรือไม่ก็ห้องบนอพาร์ตเม้นท์ที่น่าอยู่สักห้อง
อาชีพนางระบำของฉันรายได้ดี มีเงินเหลือเก็บ ถ้าไม่เอาไปใช้กับค่ายาเสพติด ยากล่อมประสาทอย่างที่เพื่อนฉันปฏิบัติแล้วละก็ เราจะมีชีวิตที่ดีขึ้น มีแขกหลายคนอยากออฟเราออกไปฟัน นั่นแหละแหล่งเงินก้อนโตที่เราจะได้ แต่มันจะทำให้เราโทรมยิ่งกว่าโสเภณีเสียอีก เราต้องรักษารูปร่างให้ดีตลอดเวลา
ฉันต้องมานั่งคุยกับแขกที่มาดูเราเต้น เพื่อให้เขาได้สั่งเครื่องดื่มสักแก้วสองแก้ว และปล่อยให้เขาลูบคลำต้นขา หน้าอก และโยนี ก่อนที่เราจะเรียกค่าจับโน่นจับนี่ บ้วงเงินจากกระเป๋าแขกออกมาให้มากที่สุด คนพวกนี้ยอมจ่ายเงินเพื่อความสุขอันไม่จีรังอยู่แล้ว ธรรมชาติของผู้ชายมีแต่เสียงเรียกร้องทางเพศก้องกังวานอยู่ วันๆ เขาเอาแต่คิดเรื่องบนเตียงกับผู้หญิงสักคน มันน่าคลื่นเหียนปนเปกับน่าหัวเราะเยาะ คนพวกนี้หนีเมียมาเป็นส่วนใหญ่ และอีกพวกเป็นหนุ่มโสดที่ต้องการประสบการณ์ทางเพศ ฉันรู้เรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชายเหล่านี้มากมาย พวกเขามาหาความสุข ไม่ต้องการได้ยินเรื่องราวของความทุกข์ เงินคือพระเจ้า และฉันคือเครื่องจักรผลิตเงิน
สองปีก่อนที่แม่จะตาย ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราเจือจางลง อาจเป็นเพราะว่าฉันมาไกลเกินกว่าที่แม่คิด หรือไม่ก็ฉันมาไกลกว่าที่ตัวเองเข้าใจ ระยะหลังเราเริ่มไม่ลงรอยกัน ฉันเสนอแม่ว่าเราควรจะย้ายบ้าน แต่แม่ไม่เห็นด้วย เพราะแม่เป็นคนติดที่ ชอบอยู่ในที่คุ้นเคยมากกว่าจะย้ายไปไหน แม่กลับมาป่วยอีกครั้ง ส่วนฉันแกร่งขึ้นบนถนนสายโลกีย์
บางคืนก่อนที่ฉันจะไปทำงาน ฉันอยากจะขอความเห็นจากแม่ว่า แม่เห็นด้วยไหมที่ฉันจะเลิกอาชีพนี้ ทว่าฉันก็ไม่เคยถาม ความรู้สึกดีๆ เกี่ยวกับชีวิตมันไม่มีแรงขับดัน ทุกสิ่งทุกอย่างดูเป็นสีดำไปหมด ฉันเองรู้ว่านางระบำเปลื้องผ้าไม่ใช่งานที่ยั่งยืน เมื่ออายุมากขึ้นฉันก็ต้องเลิก ถ้าไม่เลิกเองเจ้าของบาร์ก็เป็นผู้เลิกจ้าง เด็กรุ่นใหม่มีเข้ามาแทน ความชราภาพเป็นศัตรูของเรา เราไม่มีวันเอาชนะวันเวลาได้แม้แต่น้อย
ฉันมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเจ้าของบาร์แล้ว ฉันได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ทำงานน้อยลง ไม่ต้องแสดงท่าเต้นลามก เขาให้ความสุขฉันดีพอควร แต่เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องอะไรนอกจากเรื่องบนเตียง ฉันเองก็ไม่อยากให้เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้น แต่ฉันหลีกเลี่ยงไม่พ้น ฉันนอนกับเขาทุกคืนวันพุธในโรงแรมกระจอกๆ แห่งหนึ่ง ฉันไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับแม่ ฉันอยากสารภาพว่าฉันต้องการใครสักคนสำหรับคุ้มครองฉัน อายุของฉันมากขึ้น การงานเริ่มไม่มั่นคง ฉันอยากแต่งงานกับผู้ชายที่รักฉัน ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนั้นฉันยังไม่พบ
ก่อนที่แม่จะตายเมื่อสามเดือนที่แล้ว แม่ไม่มีแรงพอจะลุกจากที่นอน แม่บอกว่าแม่ปลดเกษียณตัวเองแล้ว แม่อายุมากเกินไปสำหรับการเป็นโสเภณี ไม่มีผู้หญิงคนไหนเป็นโสเภณีไปตลอดชีวิตหรอก นอกจากจะตายเสียก่อน ฉันรู้ว่ามันเป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเอาเลย อายุของแม่มากจริงๆ แม้จะดูอ่อนกว่าวัย ฉันไม่อยากเชื่อว่าแม่เป็นโสเภณีถึงยี่สิบปีเต็มๆ บนใบหน้าของแม่ปรากฏร่องรอยเหี่ยวย่น ดวงตาอิดโรย และคิ้วตกลงไป แม่ไม่เคยไปทำศัลยกรรมบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นตา จมูก หรือคิ้ว แม่ดูเป็นธรรมชาติ เป็นมนุษย์จริงๆ ที่มีชีวิตและลมหายใจ แล้วแม่ก็โรยไปตามกาลเวลา มนุษย์เรามีอายุ มีจุดสิ้นสุด
ชีวิตของแม่เริ่มหรี่แสงลงทีละน้อย แม่นอนอยู่บนฟูกเก่าเจียนขาด แม่ไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก มีคนบอกว่าเมื่อคนเราล้มลง ช่วงที่ป่วยสาหัสจะลุกขึ้นมาเหมือนตอนหนุ่มๆ สาวๆ ได้ลำบาก ชีวิตล่วงเลยไร้ค่า เป็นเพียงก้อนเนื้อที่มีลมหายใจ ไร้คนเหลียวแล ปราศจากคำอวยพรจากสังคม และตายลงอย่างอับเฉา ปราศจากเสียงร้องไห้ของผู้คน
แม่เป็นมนุษย์ประเภทนั้น ไร้เพื่อน ไร้คนรัก และปราศจากการเหลียวแล
แม่ตายแล้ว นอนอยู่ในโรงอย่างโดดเดี่ยว แม่ตายเมื่อคืนนี้ นอนตายอย่างสงบ รวดเร็ว ปราศจากความทุกข์และเจ็บปวด เพราะแม่เจ็บปวดมามากเกินพอ ฉันนั่งเงียบไม่ได้ยินเสียงโอดครวญใดๆ เป็นความตายที่น่าอัศจรรย์ พลังแห่งการขับสู้ค่อยๆ หมดลงไปเอง กลิ่นศพรุนแรง คนเก็บศพบอกว่าตัวของแม่เหม็น เขาพูดด้วยคำพูดน่าสะอิดสะเอียน ฉันเดินไปตบหน้าเขา ตะโกนอย่างสุดเสียงว่า ศพน่ะไม่สามารถโต้ตอบคำพูดสกปรกอย่างนั้นได้หรอก เขาทำหน้างงงันพลางกล่าวขอโทษ เขาดูถูกคนตาย ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร
ผู้ตายจะกลับบ้านคืนนี้ แม่คงไม่ต้องการอะไรนอกจากกลิ่นธูปเทียนที่ฉันจุด ฉันร้องไห้ตลอดคืน แม่เป็นมะเร็งตายอย่างฉับพลัน ตอนแรกใครๆ ก็บอกว่าแม่ต้องเป็นเอดส์ แต่แพทย์ได้ชี้แล้วว่าแม่เป็นมะเร็ง มะเร็งปากมดลูกไม่น่าจะถึงตาย การแพทย์ในปัจจุบันก็เอาชนะโรคนี้ได้บางส่วน แต่พิษของมันลามเลียไปทั่วร่างกาย ประกอบกับความอ่อนแอของเซลล์เม็ดเลือดขาว แม่ไม่เคยเยียวยารักษาอาการป่วย อย่างดีก็กินยาแก้ปวด ฉันเองก็รู้ว่าการรักษาไม่มีประโยชน์อันใด การแพทย์ที่พัฒนาแล้วไม่ได้เป็นการแพทย์สำหรับคนจน
ความตายปลิดชีพของแม่ ฉันไม่รู้ว่าทำไมแม่ต้องมาตายในตอนนี้ ตอนที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ หรือถึงเวลาแล้วที่ฉันจะเดินบนเส้นทางนี้เพียงลำพัง ความห่างเหินของเราอาจมีส่วนทำให้แม่ล้มป่วยและไม่ยอมลุกขึ้นต่อสู้อีก
ฉันยังได้ยินเสียงแม่ อย่าเที่ยวไปกับแขกจนเปรอะ จงรักษาสิ่งที่ผู้หญิงพึงมี และจงหลีกเลี่ยงความจอมปลอม ฉันอยากจะบอกแม่ว่มันสายไปเสียแล้ว เมื่อคนเราจมอยู่กับความโลภและหลงใหลไปกับกลิ่นของกามารมณ์อันร้อนแรง ฉันกลายเป็นเด็กสาวใจกร้าน ฉันเดินบนเส้นทางที่ฉันเลือกอย่างแท้จริง
ไม่มีภาพถ่ายของแม่ในงานศพ แม่ไม่เคยถ่ายภาพเก็บเอาไว้ แม่บอกว่า…แม่ไม่มีความหลัง แม่ไม่มีอดีตให้จดจำ แม่ตายแล้ว…แม่นอนอยู่ในโลงศพ ฉันอยากให้แม่คืนกลับมา
วิญญาณของแม่จะกลับไปในคืนนี้
ฉันกำลังรอคอย