เมื่อนักเขียนอ่าน
ทุกครั้งที่ได้ยินนักเขียนใหญ่เล็ก ทั้งนักเขียนไทยนักเขียนเทศพูดว่า “ฉันไม่จำเป็นต้องอ่าน เพราะงานเขียนของฉันเองก็ยุ่งเกินไปแล้ว” หรือประโยคคลาสสิกที่ฉันได้ยินแล้วก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไรตอบกลับไปคือ “ถ้าฉันอ่านงานของคนอื่น งานของฉันจะไม่เป็นต้นแบบ (Original)” การเขียนหนังสือเป็นสิ่งที่ยากอยู่แล้ว และฉันไม่อยากทำให้มันยากไปกว่านี้ สำหรับฉัน ทำไมนักเขียนต้องอ่านหนังสือ การอ่านเป็น แรงบันดาลใจ เหมือนได้คำแนะนำจากหนังสือที่อ่าน และช่วยให้เราเชื่อมโยงกับนักเขียนคนอื่น มากกว่าวิธีการอื่นๆ
ทำไมนักเขียนต้องอ่านหนังสือ
ฉันชอบการอ่านมาตั้งแต่เด็ก แต่ยิ่งไปกว่านั้น การอ่านทำให้ฉันกลายเป็นนักเขียน หนังสือที่อ่านส่งอิทธิพลต่องานเขียนของฉันในเวลาต่อมา หนังสือกลายเป็นบทเรียนที่ทำให้ฉันศึกษากลวิธีต่างๆ จากนักเขียนเหล่านั้น
ต่อไปนี้เป็นสามสิ่งที่ฉันเห็นว่ามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเกี่ยวกับการอ่านและการเขียน
1. การอ่านสร้างแรงบันดาลใจ
บทสัมภาษณ์ของ Maya Angelou จาก Paris Review กล่าวว่า:
“ฉันจะอ่านบางอย่าง อาจจะเป็นเพลงสวด หรืออ่านอะไรก็ได้ จาก Mr. Dunbar, James Weldon Johnson และฉันจะจำว่าพวกเขาใช้ภาษาไพเราะเพียงใด จากนั้นจะดึงมันขึ้นมาเพื่อปรับใช้อย่างไร ‘โอเค’ ฉันจำได้และเริ่มเขียน”
Maya Angelou จาก Paris Review
การอ่านสร้างแรงบันดาลใจให้กับการเขียน มันเป็นเช่นนั้นเสมอ ต้องขอบคุณนักเขียนก่อนหน้านี้ พวกเขาทำให้เราอยากเขียนหนังสือเพราะเราอ่านเรื่องที่พวกเขาเขียน
ขณะเดียวกัน การเขียนอาจเป็นการต่อต้านวิธีคิดของนักเขียนคนโปรดของเราก็เป็นได้ ตอนที่ฉันเขียนหนังสือได้สักพัก เราจะเริ่มเข้าใจวิธีคิดมากขึ้น และจุดนั้นเราจะพบว่าสิ่งที่นักเขียนคนโปรดเราคิดมันไม่ควรเป็นแบบนั้น
ไม่ว่าจะเป็นความรักหรือความชัง ไม่ว่าจะเป็นเทิดทูนบูชาหรือก่อกบฎ ต่อนักเขียน การอ่านคือเชื้อเพลิงที่ดีสำหรับการเขียนเสมอ
2. การอ่านเป็นเหมือนข้อเสนอแนะ
ในการสัมภาษณ์ David Foster Wallace นักประพันธ์ชาวอเมริกัน นักเขียนเรื่องสั้น นวนิยาย เรียงความ อาจารย์มหาวิทยาลัยด้านภาษาอังกฤษและการเขียนเชิงสร้างสรรค์ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางจากนวนิยายเรื่อง Infinite Jest ในปี 1996 ซึ่งนิตยสาร Time ยกให้เป็นหนึ่งใน 100 นวนิยายภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดตั้งแต่ปี 1923 ถึง 2005 กล่าวว่า “วิธีที่ผมเป็นนักเขียนมาจากสิ่งที่ต้องการในฐานะนักอ่าน”
ยิ่งอ่านมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งเข้าใจวิธีการสร้างเรื่องราวได้ดีขึ้นเท่านั้น ฉันเข้าใจตัวละครได้ดีขึ้น การอ่านสอนให้เราเขียน การอ่านทำให้เราเห็นความเป็นไปของภาษา บางครั้งการอ่านก็ท้าทายให้เราเขียนสิ่งที่ดีกว่าที่เรากำลังอ่านอยู่
เมื่ออ่านหนังสือจากนักเขียนที่เราชื่นชอบ ให้อ่านช้าๆ และระมัดระวัง ระหว่างการอ่าน พยายามตั้งคำถามในใจว่า “พวกเขาพยายามทำอะไรเมื่อเขียนสิ่งนี้? พวกเขาสร้างประโยคนี้ได้อย่างไร เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงสร้างอารมณ์อันทรงพลังในตัวเราได้มากขนาดนี้”
3. อ่านเพื่อเชื่อมโยง
ฉันมีเพื่อนที่เป็นนักเขียนสี่ห้าคน และเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเขียนหนังสือหรือออกหนังสือเล่มใหม่ ฉันจะพยายามอ่านหนังสือเหล่านั้น ฉันเชื่อว่านักเขียนทุกคนสวมวิญญาณของตนลงไปในน้ำหมึกและกระดาษ สิ่งที่พวกเขาเขียนนั้นเป็นอย่างไร ถ้าเราไม่อ่านเราไม่มีวันรู้ว่านักเขียนเหล่านั้นเขียนถึงอะไร และเมื่ออ่านจบ ฉันจะบอกพวกเขาว่า “ฉันอ่านหนังสือของคุณจบแล้ว มันดีมาก!”
นอกจากงานเขียนแล้ว ฉันยังมีงานสัมภาษณ์นักเขียนเพื่อลงในเวบไซต์ หรือแมกกาซีนออนไลน์ที่ฉันเคยทำ ฉันต้องทำความคุ้นเคยกับหนังสือที่พวกเขาเขียน งานสัมภาษณ์อาจไม่จำเป็นต้องอ่านทุกอย่างที่พวกเขาเขียน แต่ฉันจะอ่านบางอย่าง เพราะฉันต้องการให้พวกเขารู้ว่าฉันเข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังคิด และช่วยให้งานสัมภาษณ์เป็นไปได้อย่างไม่มีปัญหา
สำหรับนักเขียน การอ่านเป็นเรื่องของความสัมพันธ์กับนักเขียนคนอื่นๆ พวกเขาเป็นทั้งมิตรสหาย เพื่อนร่วมงาน ญาติ ไม่ว่าเราจะรู้จักพวกเขาหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะตายหรือยังดำรงชีวิตอยู่ เราชื่นชมผลงานของพวกเขาที่ทำได้สำเร็จ
หนังสือ 10 เล่มที่นักเขียนทุกคนควรอ่าน
ตอนนี้คุณพร้อมที่จะอ่านหนังสือแล้ว คุณควรอ่านหนังสืออะไร ต่อไปนี้เป็นนวนิยายสิบเล่มที่ฉันอยากจะแนะนำ:
- Science Fiction: The War of the Worlds โดย H.G. Wells
- War: All Quiet on the Western Front (แนวรบด้านตะวันตกเหตุการณ์ไม่เปลี่ยน โดย Erich Maria Remarque
- Love/Romance: Romeo and Juliet (โรมีโอกับจูเลียต) โดย William Shakespeare
- Fantasy Contemporary: The Name of the Wind โดย Patrick Rothfuss
- Fantasy Classic: เดอะฮอบบิต (The Hobbit) โดย J.R.R. Tolkien
- Science Fiction Classic: Dune โดย Frank Herbert
- Adventure: ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน (The Alchemist) โดย Paulo Coelho
- Literature: ความเบาหวิวเหลือทนของชีวิต (The Unbearable Lightness of Being) โดย Milan Kundera
- Young Adult: แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ (Harry Potter and the Sorcerer’s Stone) โดย J.K. Rowling
- Mystery: จนศพสุดท้าย (And Then There Were None) โดย Agatha Christie
ถนนสู่การเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่
การเป็นนักเขียนที่ดีต้องใช้เวลา ฉันเข้าใจว่าคุณยุ่งจนไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ฉันไม่อยากทำให้คุณรู้สึกไม่ดี แต่อย่าลืมว่าการแบ่งเวลาสักสองหรือสามชั่วโมงต่อวันเพื่ออ่านหนังสือ เป็นก้าวสำคัญแรกๆ ที่จะนำคุณไปสู่การเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่
ฉันรู้ว่าชีวิตจริงมันลำบาก ทำให้มันยากขึ้นทำไม?
อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการเป็นนักเขียนที่ยอดเยี่ยม จำเป็นต้องหาเวลาอ่านหนังสือ
การเขียน เป็นการทำงานที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีเวลาสำหรับเรื่องไร้สาระ ต้องทำตลอดเวลา และเป็นงานที่หนักมาก จำเป็นต้องตัดบางสิ่งออกไปจากชีวิต…ฉันเขียนตั้งแต่สิบโมงเช้าจนถึงห้าโมงเย็นทุกวัน พักเที่ยงหนึ่งชั่วโมง ในตอนเย็นฉันมักจะอ่าน ซึ่งสิ่งนั้นงดงามมาก
คุณใช้เวลาอ่านหนังสือกี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์? คุณต้องการอ่านหนังสือกี่เล่มในปีนี้? การอ่านของคุณเพิ่มพลังให้กับงานเขียนของคุณอย่างไร?
แบบทดสอบ
วันนี้ฉันขอท้าให้คุณอ่านหนังสืออย่างน้อยหนึ่งบท หากคุณพร้อมแล้ว โปรดแจ้งให้เราทราบโดยแสดงความคิดเห็น ใน Comment ว่า “ฉันพร้อมแล้ว!” หากคุณกำลังมองหาหนังสือดีๆ สักเล่ม คุณสามารถค้นหาได้จากรายการด้านบน ขอให้สนุกกับการอ่านงานเขียนนะคะ!
Comments 2